แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งหกสิบเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานขนส่งโตโยต้าประเทศไทย สมาชิกมีมติเอกฉันท์ให้สหภาพแรงงานขนส่งโตโยต้าประเทศไทยฟ้องจำเลยคดีนี้ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและเรียกค่าเสียหายแทนสมาชิกสหภาพแรงงานด้วย จึงเป็นการดำเนินการโดยถูกต้องตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 103 (2) และมีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ทั้งหกสิบรวมทั้งลูกจ้างอื่นที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานขนส่งโตโยต้าประเทศไทยซึ่งผลของคำพิพากษาในคดีดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์ทั้งหกสิบในคดีนี้ด้วย ดังนั้นสหภาพแรงงานขนส่งโตโยต้าประเทศไทยจึงเป็นผู้อยู่ในฐานะเดียวกับโจทก์ทั้งหกสิบและเป็นผู้ใช้สิทธิแทนโจทก์ทั้งหกสิบฟ้องคดี เมื่อโจทก์ทั้งหกสิบมาฟ้องคดีนี้โดยอ้างว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ทำให้โจทก์ทั้งหกสิบเสียหาย ขอเรียกค่าเสียหายนับแต่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าวมีผลบังคับจนถึงวันฟ้อง อันเป็นการฟ้องในเรื่องเดียวกันกับที่สหภาพแรงงานขนส่งโตโยต้าประเทศไทยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางและคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลฎีกา คำฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1) ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน มาตรา 31
ย่อยาว
คดีทั้งหกสิบสำนวนนี้ศาลแรงงานกลางสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันโดยให้เรียกโจทก์เรียงตามลำดับสำนวนว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 60 และเรียกจำเลยทั้งหกสิบสำนวนว่า จำเลย
โจทก์ทั้งหกสิบฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์ทั้งหกสิบ และจ่ายงานให้โจทก์ทั้งหกสิบตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามขอให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายรายเดือนพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องแก่โจทก์ทั้งหกสิบไปจนกว่าจำเลยจะปฏิบัติตาม
จำเลยทุกสำนวนให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งหกสิบอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้งหกสิบอุทธรณ์ว่า สหภาพแรงงานขนส่งโตโยต้าประเทศไทยมีสิทธิฟ้องเพื่อให้จำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างฉบับลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2551 เท่านั้น แต่ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการผิดข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างแทนโจทก์ทั้งหกสิบ การที่สหภาพแรงงานขนส่งโตโยต้าประเทศไทยฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการผิดข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างให้สมาชิกที่เป็นลูกจ้างจำเลยเป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ สป.798/2552 ของ ศาลแรงงานกลาง จึงเป็นการฟ้องโดยไม่มีอำนาจและไม่ถือเป็นคู่ความรายเดียวกันกับโจทก์ทั้งหกสิบในคดีนี้ โจทก์ทั้งหกสิบฟ้องคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ สป.798/2552 ของศาลแรงงานกลางนั้น ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 36 บัญญัติให้นายจ้างหรือลูกจ้างจะมอบอำนาจให้สมาคมนายจ้างหรือสหภาพแรงงานซึ่งตนเป็นสมาชิกหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานหรือกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ดำเนินคดีแทนก็ได้ ตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงให้สิทธิแก่ลูกจ้างที่จะมอบอำนาจให้สหภาพแรงงานซึ่งตนเป็นสมาชิกดำเนินคดีเกี่ยวด้วยกฎหมายแรงงานแทนลูกจ้างดังกล่าวได้ หาได้หมายถึงการฟ้องร้องคดีในส่วนที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของสหภาพแรงงานโดยเฉพาะไม่ สหภาพแรงงานต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อการแสวงหาและคุ้มครองผลประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้าง ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มาตรา 86 วรรคสอง และตามมาตรา 98 (2) บัญญัติให้สหภาพแรงงานมีอำนาจหน้าที่จัดการและดำเนินการเพื่อให้สมาชิกได้รับประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของสหภาพแรงงาน ดังนั้น เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงที่ยุติในชั้นพิจารณาของศาลแรงงานกลางว่า โจทก์ทั้งหกสิบเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานขนส่งโตโยต้าประเทศไทย สมาชิกมีมติเป็นเอกฉันท์ให้สหภาพแรงงานขนส่งโตโยต้าประเทศไทย ฟ้องจำเลยคดีนี้ให้ปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างและเรียกค่าเสียหายแทนสมาชิกสหภาพแรงงานดังกล่าวด้วย จึงเป็นการดำเนินการโดยถูกต้องตามมาตรา 103 (2) และมีอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์ทั้งหกสิบรวมทั้งลูกจ้างอื่นที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานขนส่งโตโยต้าประเทศไทย ซึ่งผลของคำพิพากษาในคดีดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์ทั้งหกสิบในคดีนี้ด้วย ดังนั้น สหภาพแรงงานขนส่งโตโยต้าประเทศไทยจึงเป็นผู้อยู่ในฐานะเดียวกับโจทก์ทั้งหกสิบที่และเป็นผู้ใช้สิทธิแทนโจทก์ทั้งหกสิบฟ้องคดี เมื่อโจทก์ทั้งหกสิบมาฟ้องคดีนี้อีกโดยอ้างว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ฉบับลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2551 ทำให้โจทก์ทั้งหกสิบเสียหาย ขอเรียกค่าเสียหายนับแต่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังกล่าวมีผลบังคับจนถึงวันฟ้อง อันเป็นการฟ้องในเรื่องเดียวกันกับที่สหภาพแรงงานขนส่งโตโยต้าประเทศไทยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลาง ซึ่งต่อมาศาลแรงงานกลางได้พิพากษายกฟ้อง เป็นคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ สป.798/2552 และคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลฎีกา คำฟ้องคดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ สป.798/2552 ของศาลแรงงานกลาง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 ที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมานั้น ชอบแล้ว อุทธรณ์โจทก์ทั้งหกสิบฟังไม่ขึ้น และเมื่อคำฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้อนต้องห้ามตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าวแล้ว โจทก์ทั้งหกสิบย่อมไม่อาจเรียกร้องอันใดต่อจำเลยในคดนี้ได้อีก จึงไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ประการอื่นของโจทก์ทั้งหกสิบอีกต่อไป
พิพากษายืน