คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดร้อยเอ็ด โดยขอให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีดำที่ 197/2517 ของศาลมณฑลทหารบกที่ 6 (ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด) ศาลอ่านคำพิพากษาลงโทษคดีดำที่ 197/2517 ก่อน และในวันเดียวกันนั้นก็อ่านคำพิพากษาลงโทษคดีนี้ติดต่อกันไปเลย โดยยังมิได้นำสำนวนคดีดำที่ 197/2517 นั้นไปลงสารบบออกเลขคดีแดงเสียก่อน โจทก์จึงไม่มีโอกาสแถลงให้ศาลทราบได้ก่อนว่าคดีดำที่ 197/2517 นั้นเป็นคดีหมายเลขแดงที่เท่าใด แต่ก็ย่อมปรากฏชัดแก่ศาลและคู่ความแล้วว่าคดีดำที่ 197/2517 นั้นศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้วโดยไม่จำต้องให้โจทก์แถลงแก่ศาลซ้ำ ศาลย่อมพิพากษาให้นับโทษคดีนี้ต่อกับโทษในคดีดำที่ 197/2517 ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธ ขอให้ลงโทษและขอให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๙๗/๒๕๑๗ ของศาลมณฑลทหารบกที่ ๖ (ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด) และนับโทษจำเลยที่ ๒ ต่อจากสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๓๓๖/๒๕๑๗ ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานพยายามชิงทรัพย์ ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ ๑๐ ปี นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๙๗/๒๕๑๗ ของศาลมณฑลทหารบกที่ ๖ (ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด) ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยควรมีความผิดฐานชิงทรัพย์สำเร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๙๗/๒๕๑๗ ของศาลมณฑลทหารบกที่ ๖ (ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด) นั้น ไม่ปรากฏในสำนวนคดีนี้ หรือคำแถลงของโจทก์ว่าคดีดังกล่าวศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว จึงนับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อไม่ได้ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่าไม่นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อตามที่โจทก์ขอ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า ในคดีหมายเลขดำที่ ๑๙๗/๒๕๑๗ ของศาลมณฑลทหารบกที่ ๖ (ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด) นั้น จำเลยที่ ๑ ถูกฟ้องหาว่าปล้นทรัพย์ ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๙ ปี ศาลอ่านคำพิพากษาคดีนั้นวันเดียวกับคดีนี้ อ่านคำพิพากษาหมายเลขในคดีดำที่ ๑๙๗/๒๕๑๗ ก่อน แล้วอ่านคำพิพากษาคดีนี้ติดต่อกันไปเลยทีเดียว โดยยังมิได้นำสำนวนคดีหมายเลขดำที่ ๑๙๗/๒๕๑๗ ไปลงสารบบคดีแดงเสียก่อน โจทก์ไม่ทันมีโอกาสที่จะแถลงให้ศาลทราบได้ก่อนว่าคดีหมายเลขดำที่ ๑๙๗/๒๕๑๗ นั้นเป็นคดีหมายเลขแดงที่เท่าใด และขอแถลงด้วยว่าคดีหมายเลขดำที่ ๑๙๗/๒๕๑๗ ของศาลมณฑลทหารบกที่ ๖ (ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด) เป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๑๙๘/๒๕๑๗ เพื่อให้จำเลยที่ ๑ ได้รับโทษทุกกระทงความผิดที่จำเลยที่ ๑ ได้กระทำไปตามความเป็นจริง ขอนับโทษของจำเลยที่ ๑ ในคดีนี้ต่อจากคดีดังแถลง
จำเลยทั้งสองฎีกาในข้อเท็จจริงว่าไม่ได้กระทำผิด
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดจริง แล้ววินิจฉัยเรื่องที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อว่า ส่วนที่โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๙๗/๒๕๑๗ นั้น พฤติการณ์เป็นดังที่โจทก์ฎีกาดังกล่าวข้างต้น แสดงว่าเมื่อศาลชั้นต้นจะอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีนี้ โจทก์ยังไม่อาจแถลงให้ศาลทราบได้ว่าคดีหมายเลขดำที่ ๑๙๗/๒๕๑๗ นั้นมีหมายเลขแดงที่เท่าใด และที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาคดีนี้ติดต่อกันไปเลยนั้นย่อมเห็นได้ว่าความปรากฏชัดแก่ศาลและคู่ความแล้วว่าคดีหมายเลขดำที่ ๑๙๗/๒๕๑๗ นั้น ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ แล้วโดยไม่จำต้องให้โจทก์แถลงแก่ศาลซ้ำอีก ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นับโทษติดต่อกันนั้นจึงเป็นการชอบแล้ว
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้นับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากคดีศาลมณฑลทหารบกที่ ๖ (ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด) หมายเลขแดงที่ ๑๙๗/๒๕๑๗ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share