คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทรัพย์พิพาทเป็นของร่วมกันระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง แม้จำเลย กับผู้ร้องจะเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทรัพย์ที่ ทำมาหาได้ในระหว่างอยู่กินด้วยกัน ก็ต้องถือว่าคนทั้งสอง มีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้ถอนการยึดทรัพย์

ย่อยาว

โจทก์นำยึดทรัพย์พิพาท ว่าเป็นของจำเลย เพื่อขายทอดตลาดเอาชำระหนี้

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นภริยาจำเลยโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้น เป็นทรัพย์ส่วนตัวของผู้ร้องได้ปลูกสร้างขึ้น และซื้อมาด้วยเงินของผู้ร้องที่ทำมาหาได้จากการค้าขาย จำเลยไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของร่วมกับผู้ร้องและหนี้สินจำเลยก่อขึ้นโดยลำพัง ขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึด

โจทก์คัดค้านว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นของจำเลยหาใช่ของผู้ร้องทั้งหมดไม่ จำเลยกับผู้ร้องเป็นเสมือนหุ้นส่วนกัน ผู้ร้องในฐานะภริยาจึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลย ขอให้ยกคำร้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วสั่งถอนการยึดทรัพย์บางรายการ

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง แต่ไม่ตัดสิทธิในการที่ผู้ร้องจะเรียกขอให้แบ่งทรัพย์สินของผู้ร้อง ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมอยู่กับจำเลย

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของร่วมกันระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง แม้จำเลยกับผู้ร้องจะเป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทรัพย์ที่ทำมาหาได้ในระหว่างอยู่กินด้วยกัน ก็ต้องถือว่าคนทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้ถอนการยึดทรัพย์

พิพากษายืน ยกฎีกาผู้ร้อง

Share