คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1490/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในฟ้องโจทก์อ้างสิทธิเรียกร้องเงินกู้ เพราะจำเลยไม่มีสิทธิที่จะได้รับประโยชน์แห่งเงื่อนเวลา จำเลยไม่ได้ต่อสู้อย่างใด คงปฏิเสธว่าไม่ได้กู้ไปตามฟ้อง ทั้งปัญหาข้อนี้ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนี้เกี่ยวกับเรื่องเงื่อนเวลา จึงไม่เป็นประเด็นที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำหนังสือกู้เงินโจทก์ไป 6,000 บาท ระบุเอานาแปลงตำบลละอาย จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นประกันและยอมให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย ต่อมาจำเลยกู้เงินนายเปรมอีกทำให้ประกันลดน้อยลงไม่พอชำระหนี้เป็นการผิดสัญญา ขอให้บังคับจำเลยคืนเงิน 6,000 บาทและยอมให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยปฏิเสธว่าไม่เคยกู้ ไม่เคยทำสัญญากู้ สัญญากู้ปลอมไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลย

ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไปจริง แต่เมื่อยื่นคำฟ้องยังไม่ถึงเวลาชำระหนี้จำเลยยังไม่ผิดสัญญา โจทก์ฟ้องไม่ได้พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นด้วยว่าจำเลยกู้ไปจริงแต่ปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยหรือไม่นั้นต้องวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 155(2) ซึ่งมีว่าห้ามมิให้ฝ่ายลูกหนี้ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาเริ่มต้นหรือเวลาสุดสิ้นในเมื่อลูกหนี้ได้ทำลายทำให้ลดน้อยถอยลงซึ่งประกันอันได้ให้ไว้

คำว่าประกันหนี้ต้องเป็นประกันที่ได้ทำโดยถูกต้องตามกฎหมายการระบุว่าเอานาเป็นประกันเช่นนี้หาเกิดผลตามกฎหมาย ให้มีสิทธิพิเศษเหนือทรัพย์ประการใดไม่ กรณีไม่เข้าลักษณะ มาตรา 155(2)เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยผิดสัญญาข้อใด โจทก์ยังไม่มีสิทธิฟ้องให้บังคับจำเลยชำระหนี้ก่อนกำหนดได้ พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาคงฟังว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไปจริง ส่วนเรื่องเงื่อนเวลานั้น โจทก์อ้างว่ามีสิทธิเรียกร้องเพราะจำเลยไม่มีสิทธิที่จะได้รับประโยชน์แห่งเงื่อนเวลา ข้อนี้จำเลยหาได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้อย่างใดไม่ ต่อสู้แต่เพียงว่าไม่ได้กู้เงินไปตามฟ้องและไม่เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงไม่เป็นประเด็นที่ศาลจะยกขึ้นวินิจฉัย ส่วนการขอให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ยนั้นก็เป็นเรื่องที่โจทก์แสดงว่าได้รับมอบการครอบครองทำนาอยู่ก่อนแล้วไม่มีเหตุต้องสั่งประการใด พิพากษากลับให้จำเลยใช้ต้นเงิน 6,000 บาท

Share