แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายถือได้ว่าเป็นเอกสารในสำนวนคดีเรื่องอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 (1)
การที่ผู้ร้องอ้างเอกสารซึ่งเป็นคำให้การของผู้คัดค้านในสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้นเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 (1) ซึ่งผู้ร้องไม่ต้องส่งสำเนาให้ผู้คัดค้านก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวัน
ย่อยาว
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทสยามพับลิเกชั่นส์ จำกัด ลูกหนี้ผู้ล้มละลาย ผู้ร้องยื่นคำร้องว่านายธวัชชัยผู้ชำระบัญชีของบริษัทสยามพับลิเกชั่นส์ จำกัด ลูกหนี้ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอให้ศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดในวันเดียวกันนั้น ต่อมาศาลได้มีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย ก่อนศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย ผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้และเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็ครวม ๑๑ รายได้ประนอมหนี้กัน โดยเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้ร้อยละ ๒๑.๒ นายปรีดาเจ้าหนี้ผู้คัดค้านเป็นเจ้าหนี้ ๘๐,๐๐๐ บาท ได้รับชำระหนี้ไป ๑๖,๙๖๐ บาท การที่ผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้ประนอมหนี้กันแต่เฉพาะเจ้าหนี้ผู้ทรงเช็ครวม ๑๑ ราย ภายในเวลา ๓ ปี ก่อนมีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลาย โดยเจ้าหนี้ทั้ง ๑๑ รายรู้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้รายอื่นที่มิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้ต่อผู้ชำระบัญชี และเจ้าหนี้รายอื่นมิได้ยินยอมในการประนอมหนี้ ทั้งผู้ชำระบัญชีมิได้กันส่วนแบ่งของเจ้าหนี้รายอื่นไว้เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต มุ่งหมายจะให้เจ้าหนี้ซึ่งมิได้เป็นเจ้าหนี้ตามเช็คเสียเปรียบ ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการชำระหนี้ดังกล่าวแล้วให้ผู้คัดค้านคืนเงิน ๑๖,๙๖๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งเพิกถอนจนกว่าจะชำระเสร็จ แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ผู้ร้อง
ผู้คัดค้านให้การว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้ทรงเช็คของลูกหนี้เป็นเงิน ๘๐,๐๐๐ บาท เมื่อเช็คของลูกหนี้ขึ้นเงินไม่ได้ ผู้คัดค้านได้ไปแจ้งความกับเจ้าพนักงานตำรวจให้ดำเนินคดีกับลูกหนี้ผู้คัดค้านได้รับเงิน ๑๖,๙๖๐ บาท จากผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้ก็เพื่อเลิกคดีที่แจ้งความไว้ ทั้งที่ผู้คัดค้านได้เสียเงินสดไปแล้ว ๘๐,๐๐๐ การที่ผู้คัดค้านรับเงินมาจากผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้จึงเป็นไปโดยสุจริต ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า ขณะมีการประนอมหนี้กันนั้น ผู้คัดค้านทราบว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ผู้คัดค้านรับชำระหนี้ไว้โดยไม่สุจริต สั่งให้เพิกถอนการชำระหนี้ระหว่างผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้กับผู้คัดค้าน ให้ผู้คัดค้านคืนเงิน ๑๖,๙๖๐ บาท พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี นับแต่วันมีคำสั่งจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ผู้ร้อง
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า (๑) ผู้คัดค้านยอมรับชำระหนี้จากผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้ไว้โดยสุจริต (๒) ศาลชั้นต้นรับฟังเอกสารหมาย จ. ๑ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะผู้ร้องไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้ผู้คัดค้านก่อนวันสืบพยานครั้งแรก ๓ วัน
ศาลชั้นต้นสั่งว่า อุทธรณ์ข้อ (๑) เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๔ พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๕๓ ไม่รับอุทธรณ์ข้อนี้ ส่วนอุทธรณ์ข้อ (๒) เป็นปัญหาข้อกฎหมายให้รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า เอกสารหมาย จ. ๑ เป็นพยานหลักฐานอันสำคัญเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ศาลชั้นต้นรับฟังเป็นประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั่วไปที่มิได้เข้าประนอมหนี้กับผู้ชำระบัญชีของลูกหนี้ไม่ให้เสียเปรียบผู้คัดค้าน จึงรับฟังได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๗ พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ตามบัญชีพยานอันดับ ๒ ผู้ร้องระบุอ้าง “สำนวนการสอบสวนในคดีนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ อยู่ที่กรมบังคับคดีกระทรวงยุติธรรม” เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๖ บัญญัติว่า “กระบวนพิจารณาคดีล้มละลาย” หมายความว่า กระบวนพิจารณาซึ่งบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ไม่ว่าจะกระทำต่อศาล หรือต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตั้งแต่เริ่มคดีจนถึงคดีสิ้นสุด และมาตรา ๑๓๙ วรรคท้าย บัญญัติว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น ให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานของศาล ดังนั้น สำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีล้มละลาย ถือได้ว่าเป็นเอกสารในสำนวนคดีเรื่องอื่น ตรงตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๐ (๑) ยกตัวอย่างไว้ โดยเฉพาะเอกสารหมาย จ.๑ นี้ เป็นเอกสารที่ผู้คัดค้านทราบดีอยู่แล้ว หรือสามารถตรวจตราให้ทราบได้โดยง่ายถึงความมีอยู่และความแท้จริงแห่งเอกสารนั้น เพราะเป็นคำให้การของผู้คัดค้านซึ่งไปให้การไว้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็มิได้ถือเป็นความลับ ผู้คัดค้านย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๔ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๕๓ ร้องขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตรวจเอกสารทั้งหมดหรือแต่บางฉบับในสำนวนเรื่องนั้น หรือขอคัดสำเนาหรือขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดสำเนาและรับรองให้ได้ เว้นแต่จะเข้าขอยกเว้น ในชั้นพิจารณาคดีนี้เมื่อผู้ร้องส่งเอกสารหมาย จ. ๑ ให้ผู้คัดค้านดู ผู้คัดค้านก็รับว่าเป็นคำให้การของตนต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หากเอกสารหมาย จ. ๑ ไม่ถูกต้องอย่างไร ผู้คัดค้านก็ชอบที่จะเบิกความท้วงติงและนำพยานมาสืบแก้ได้
ดังที่ได้วินิจฉัยมานี้เห็นว่า การที่ผู้ร้องอ้างเอกสารหมาย จ. ๑ ซึ่งเป็นคำให้การของผู้คัดค้านในสำนวนการสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๐ (๑) ซึ่งผู้ร้องไม่ต้องส่งสำเนาให้ผู้คัดค้านก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า ๓ วัน ศาลฎีกาเห็นด้วยในผลแห่งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นรับฟังเอกสารหมาย จ.๑ นั้นชอบแล้ว ฎีกาผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน