คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14890/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 245 มีชื่อจำเลยที่ 1 ถือกรรมสิทธิ์ เนื้อที่ 54.6 ตารางวา มีสิ่งปลูกสร้างที่จะทำการขายด้วย คือ บ้านเดี่ยวตึกชั้นเดียว ขนาด 6×12 เมตร จำนวน 1 หลัง ไม่ปรากฏเลขทะเบียน ผู้ร้องซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวได้ หลังจากนั้นผู้ร้องให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัด ปรากฏว่าบ้านหลังดังกล่าวมีส่วนที่ปลูกอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 245 เพียง 6×2 เมตร เท่านั้น จึงถือว่าบ้านเดี่ยวตึกชั้นเดียวขนาด 6×12 เมตร ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดไม่มีอยู่จริง ดังนั้น การยึดบ้านทั้งหลังออกขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงเป็นการบังคับคดีไม่ชอบและฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย ศาลมีอำนาจเพิกถอนการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมบ้านหลังดังกล่าวได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคหนึ่ง
เมื่อปรากฏว่าผู้ซื้อทรัพย์ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดและทราบว่ามีส่วนของบ้านอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 245 เพียงบางส่วนเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 จึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2556 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้าง โดยมิได้ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่ ทั้งมิได้ให้สัตยาบันหลังจากได้ทราบเรื่องการบังคับคดีไม่ชอบ ผู้ร้อง (ผู้ซื้อทรัพย์) จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสาม

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 217,141.18 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงิน 158,334.98 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 245 ตำบลเลาขวัญ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างขายทอดตลาดไปในราคา 350,000 บาท
ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 245 ตำบลเลาขวัญ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างและคืนเงินที่ผู้ร้องซื้อทรัพย์ดังกล่าวจากการขายทอดตลาดแก่ผู้ร้อง เนื่องจากโจทก์ปกปิดข้อเท็จจริงเรื่องสิ่งปลูกสร้าง เป็นผลให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดระบุข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้ผู้ร้องสำคัญผิดในคุณสมบัติของทรัพย์ อันเป็นสาระสำคัญในการเข้าประมูลทรัพย์ ผู้ร้องเพิ่งทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว เมื่อนำเจ้าพนักงานไปรังวัดที่ดิน เป็นกรณีมีพฤติการณ์พิเศษและเป็นเหตุสุดวิสัย
โจทก์ไม่ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดได้หรือไม่ เห็นว่า ในการยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2552 โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาระบุในคำขอยึดทรัพย์ว่า ขอนำเจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 245 ตำบลเลาขวัญ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยแนบภาพถ่ายสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ขนาด 6 x 12 เมตร รวมเนื้อที่ 72 ตารางเมตร ราคาที่ดินประมาณตารางวาละ 250 บาท ราคาที่ดินทั้งแปลง 13,650 บาท ราคาสิ่งปลูกสร้างตารางเมตรละ 5,950 บาท ปรับลดร้อยละ 5 ราคาประมาณเป็นเงิน 406,980 บาท ราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นเงิน 420,630 บาท ตามคำขอยึดทรัพย์พร้อมภาพถ่ายแนบท้ายและรายงานการยึดอสังหาริมทรัพย์ ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม 2556 เจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีจังหวัดกาญจนบุรี ประกาศขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยระบุว่าขายที่ดินโฉนดเลขที่ 245 ตำบลเลาขวัญ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี มีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เนื้อที่ตามโฉนด 54.6 ตารางวา มีสิ่งปลูกสร้างที่จะทำการขายด้วย คือ บ้านเดี่ยวตึกชั้นเดียว ขนาดกว้าง x ยาว ประมาณ 6 x 12 เมตร จำนวน 1 หลัง ไม่ปรากฏเลขทะเบียน แต่เมื่อผู้ร้องขอให้เจ้าพนักงานที่ดิน พนักงานที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนแยกอำเภอเลาขวัญไปทำการรังวัด ปรากฏว่าบ้านตามที่โจทก์นำยึดและเจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดนั้นมีส่วนที่ปลูกสร้างอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 245 ขนาดกว้าง 6 เมตร และยาวเพียง 2 เมตร เท่านั้น จึงถือว่าบ้านเดี่ยวตึกชั้นเดียวขนาด 6 x 12 เมตร ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดนั้นไม่มีอยู่จริง ดังนั้น การยึดบ้านทั้งหลังออกขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีจึงเป็นการบังคับคดีไม่ชอบและฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งศาลมีอำนาจให้เพิกถอนการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 245 ตำบลเลาขวัญ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมบ้านเดี่ยวตึกชั้นเดียวดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคหนึ่ง และเมื่อปรากฏว่าผู้ซื้อทรัพย์ขอให้เจ้าพนักงานที่ดินสำนักงานที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนแยกอำเภอเลาขวัญ ทำการรังวัดที่ดินและทราบว่ามีส่วนของบ้านอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 245 ขนาดกว้าง x ยาว 6 x 2 เมตร เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2556 จึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2556 ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้าง โดยมิได้ดำเนินการอันใดขึ้นใหม่ทั้งมิได้ให้สัตยาบันหลังจากได้ทราบเรื่องการบังคับคดีไม่ชอบ ผู้ร้องจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสาม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 245 ตำบลเลาขวัญ อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมบ้านเดี่ยวตึกชั้นเดียว ขนาดกว้าง x ยาว ประมาณ 6 x 12 เมตร จำนวน 1 หลัง ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีคืนเงินที่รับไว้แก่ผู้ร้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนผู้ซื้อทรัพย์โดยกำหนดค่าทนายความรวม 6,000 บาท

Share