คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1489/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสองและมาตรา 104 ศาลชั้นต้นมีอำนาจงดชี้สองสถานและงดสืบพยานหลักฐานได้ เมื่อศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำฟ้องและคำให้การแล้วเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดชี้สองสถานแล้วพิพากษาคดีไปในวันนั้นโดยไม่สืบพยานโจทก์จำเลยจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว การตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการต้องกระทำให้ครบกระบวนการตามพระราชบัญญัติรับราชการทหารพ.ศ. 2497 มาตรา 23 ที่บัญญัติว่า การที่จะเรียกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการเมื่อใด อายุใดบ้างและกี่ครั้งนั้นให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งได้มีกฎกระทรวงฉบับที่ 9(พ.ศ. 2498) กำหนดว่า ทหารกองเกินซึ่งจะเรียกเข้ารับราชการกองประจำการตามมาตรา 23 คือ (2) ทหารกองเกินซึ่งมีอายุเกินกว่า 21 ปีบริบูรณ์ ในปีที่จะเข้ากองประจำการซึ่ง (ก) ยังไม่เคยเข้ารับการตรวจเลือกและตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มาตรา 28 ทวิ วรรคสองบัญญัติว่า หน้าที่ของกรรมการตรวจเลือกและวิธีการตรวจเลือกให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งได้มีกฎกระทรวง ฉบับที่ 37(พ.ศ. 2518) แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 47 พ.ศ. 2518 กำหนดวิธีการตรวจเลือกไว้คือเรียกชื่อทหารกองเกินซึ่งถูกเรียกมาตรวจเลือก วัดขนาดตรวจร่างกาย ถ้ามีทหารกองเกินมากกว่าจำนวนที่ต้องการก็ให้จับสลาก เมื่อโจทก์ยังไม่ได้จับสลากจึงยังไม่ครบกระบวนการการตรวจเลือก โจทก์ยังไม่พ้นจากหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 และกฎกระทรวงดังกล่าว จำเลยในฐานะนายอำเภอจึงมีอำนาจออกหมายเรียกโจทก์ให้มาตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการอีกได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2532 โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดซึ่งเป็นทหารกองเกินได้เข้ารับการตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการตามหมายเรียกของนายอำเภอเกาะยาวโดยโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดได้เข้ารายงานตัวต่อคณะกรรมการตรวจเลือกคณะกรรมการตรวจเลือกได้เรียกขานชื่อ ตรวจโรค วัดส่วนสูง วัดรอบตัวและรอจับสลากใบดำใบแดงเพื่อคัดเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการแต่คณะกรรมการตรวจเลือกได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยมีทหารกองเกินจะต้องมารับการตรวจเลือกเช่นเดียวกับโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดไม่มาและไม่ถูกเรียกชื่อเพื่อเข้ารับการตรวจเลือก โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดและทหารกองเกินที่รอการจับสลากจึงคัดค้านต่อคณะกรรมการตรวจเลือก โดยขอให้เรียกทหารกองเกินที่ไม่มารับการตรวจเลือกมารับการตรวจเลือกเช่นเดียวกับโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ด คณะกรรมการตรวจเลือกปฏิเสธตามที่โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดเรียกร้อง ต่อมาโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดถูกดำเนินคดีในข้อหาหลีกเลี่ยงขัดขืนเพื่อจะไม่ให้เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดหลังจากนั้นจำเลยซึ่งเป็นนายอำเภอเกาะยาวได้ออกหมายเรียกโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดมาตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการใหม่ในวันที่ 5 เมษายน 2536 อันเป็นการไม่ชอบเพราะโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดได้ปฏิบัติหน้าที่ตามหมายเรียกเพื่อตรวจเข้าเป็นทหารกองประจำการเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2532โดยสมบูรณ์แล้ว จำเลยจะออกหมายเรียกซ้ำอีกไม่ได้ การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ด ขอให้ศาลพิพากษาว่าหมายเรียกเพื่อเข้ารับราชการทหารของนายอำเภอเกาะยาวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้นายอำเภอเกาะยาวระงับหรือเพิกถอนหมายเรียกดังกล่าวเสีย
จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดเป็นทหารกองเกินอายุเกินยี่สิบเอ็ดปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึงสามสิบปีบริบูรณ์ในปี 2536แม้โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดจะถูกฟ้องคดีอาญาฐานหลีกเลี่ยงขัดขืนเพื่อไม่ให้เข้ารับราชการทหารกองประจำการมาแล้ว แต่การตรวจเลือกทหารกองเกินเพื่อเข้ารับราชการกองประจำการเมื่อวันที่ 1 เมษายน2532 ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะยังไม่มีการจับสลาก โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดจึงยังเป็นทหารกองเกินที่ยังไม่ผ่านการตรวจเลือกหรือยังไม่เคยเข้ารับการตรวจเลือกตามกฎกระทรวงฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2498) หมายเรียกของจำเลยที่ให้โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดมารับการตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการในวันที่5 เมษายน 2536 จึงชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดฎีกา
โจทก์ฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดข้อแรกว่า ศาลชั้นต้นสั่งงดชี้สองสถานแล้วพิพากษาคดีโดยไม่สืบพยานโจทก์ จำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสอง และมาตรา 104 ศาลชั้นต้นมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานที่คู่ความจะนำสืบนั้นมีความจำเป็นต้องนำสืบหรือไม่ หากไม่จำเป็นศาลชั้นต้นก็มีอำนาจงดสืบพยานหลักฐานนั้นได้ และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 182(4) ให้ศาลมีอำนาจงดชี้สองสถานได้ในกรณีที่ศาลเห็นสมควรวินิจฉัยชี้ขาดคดีให้เสร็จไปทั้งเรื่องโดยไม่ต้องสืบพยาน ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำฟ้องและคำให้การแล้ว เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานและงดชี้สองสถานแล้วพิพากษาคดีไปในวันนั้น โดยไม่สืบพยานโจทก์จำเลย จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดต่อไปว่าจำเลยมีอำนาจออกหมายเรียกโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดให้มาตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการอีกหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติจากคำฟ้องและคำให้การว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2532โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินได้เข้ารับการตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการตามหมายเรียกเข้ารับราชการทหารของนายอำเภอเกาะยาว ณ ศาลาประชาคมอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา โดยโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดได้เข้ารับรายงานตัวต่อคณะกรรมการตรวจเลือก คณะกรรมการตรวจเลือกได้เรียกขานชื่อ ตรวจโรค วัดส่วนสูง วัดรอบตัว และรอจับสลากใบดำใบแดงเพื่อคัดเข้าเป็นทหารกองประจำการ แต่มีทหารกองเกินบางคนที่ได้รับหมายเรียกแล้วไม่มารับการตรวจเลือกโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดเห็นว่าไม่เป็นธรรมจึงคัดค้านขอให้เรียกผู้ที่ไม่มาให้มารับการตรวจเลือกด้วย แต่คณะกรรมการตรวจเลือกไม่ปฏิบัติตาม โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดจึงไม่จับสลากใบดำใบแดง ต่อมาโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดถูกฟ้องข้อหาหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่ทำการจับสลากอันเป็นการขัดขืนเพื่อไม่เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ศาลพิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุด จำเลยในฐานะนายอำเภอเกาะยาวจึงหมายเรียกให้โจทก์มาเข้ารับการตรวจเลือกเข้ารับราชการทหารกองประจำการอีกในวันที่ 5 เมษายน 2536 เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหารพ.ศ. 2497 มาตรา 27 บัญญัติว่า การที่จะเรียกทหารกองเกินเข้ารับราชการกองประจำการเมื่อใด อายุใดบ้างและกี่ครั้งนั้นให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งได้มีกฎกระทรวง ฉบับที่ 9(พ.ศ. 2498) กำหนดว่า ทหารกองเกินซึ่งจะเรียกเข้ารับราชการกองประจำการตามมาตรา 23 คือ (2) ทหารกองเกินซึ่งมีอายุเกินกว่า21 ปีบริบูรณ์ในปีที่จะเข้ากองประจำการซึ่ง (ก) ยังไม่เคยเข้ารับราชการตรวจเลือก และตามพระราชบัญญัติรับราชการทหารพ.ศ. 2497 มาตรา 28 ทวิ วรรคสอง บัญญัติว่า หน้าที่ของกรรมการตรวจเลือกและวิธีการตรวจเลือกให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดให้กฎกระทรวงซึ่งได้มีกฎกระทรวง ฉบับที่ 37 (พ.ศ. 2518)แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 47 (พ.ศ. 2518) กำหนดวิธีการตรวจเลือกไว้คือเรียกชื่อทหารกองเกินซึ่งถูกเรียกมาตรวจเลือกวัดขนาด ตรวจร่างกาย ถ้ามีทหารกองเกินมากกว่าจำนวนที่ต้องการก็ให้จับสลาก ดังนั้น การตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการจึงต้องกระทำให้ครบกระบวนการดังกล่าวซึ่งรวมทั้งการจับสลากด้วย เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2532 โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดยังไม่ได้จับสลาก จึงยังไม่ครบกระบวนการตรวจเลือก แม้โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดไม่ยอมจับสลากอ้างว่าเพื่อปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ด จากการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมของคณะกรรมการตรวจเลือกในวันดังกล่าว ก็หาทำให้โจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดพ้นจากหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497และกฎกระทรวงดังกล่าวไม่ เมื่อโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดยังไม่ผ่านกระบวนการตรวจเลือกให้ครบถ้วน จำเลยในฐานะนายอำเภอเกาะยาวจึงมีอำนาจออกหมายเรียกโจทก์ทั้งยี่สิบเอ็ดให้มาตรวจเลือกเพื่อเข้ารับราชการทหารกองประจำการอีกได้
พิพากษายืน

Share