คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1486/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไม่ปรากฏว่า ผู้อ้างขัดขืนไม่ยอมเสียค่าอ้างเอกสาร เมื่อต่อมาผู้อ้างได้เสียค่าอ้างตามคำสั่งศาลครบถ้วนแล้ว เอกสารที่อ้างจึงเป็นเอกสารที่รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
ตัวแทนเชิดหรือตัวแทนโดยปริยายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 821 และมาตรา 797 วรรคสองนั้นไม่อยู่ในบังคับมาตรา 798 ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ขับรถยนต์บรรทุกเล็กของโจทก์จากจังหวัดพิษณุโลกมุ่งหน้าไปจังหวัดสุโขทัยได้เกิดชนกับรถบรรทุกของนายประศาสน์เป็นเหตุให้รถยนต์ของโจทก์เสียหายและโจทก์ได้รับบาดเจ็บ ต่อมาจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์และนายประศาสน์ว่าจำเลยทั้งสองยินยอมออกค่าซ่อมรถของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิม โจทก์ได้นำรถยนต์ไปซ่อมจนเสร็จและได้แจ้งให้จำเลยทั้งสองชำระค่าซ่อม แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย โจทก์ต้องนำเงินไปชำระค่าซ่อมและนำเอารถยนต์ออกมาใช้ได้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ไม่ได้เป็นตัวแทนซึ่งกันและกันในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดชอบสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ส่วนจำเลยที่ ๒ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในเรื่องค่าเช่ารถยนต์อื่นมาใช้นั้นเสีย
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๑๓ นั้น ศาลชั้นต้นได้สั่งให้คู่ความเสียค่าอ้าง โจทก์ไม่ทราบคำสั่งเพราะไม่มาและเจ้าหน้าที่ของศาลยังมิได้เรียกเก็บ ต่อมาหลังจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาแล้ว เจ้าหน้าที่รายงานว่าโจทก์ยังไม่ได้เสียค่าอ้างเอกสาร ศาลชั้นต้นได้สั่งให้โจทก์เสียค่าอ้างอีกครั้งหนึ่งในรายงานเจ้าหน้าที่ แต่โจทก์ยังมิได้ทราบคำสั่งอีกครั้นจำเลยอุทธรณ์ข้อนี้ต่อศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เรียกเก็บก่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เจ้าหน้าที่ก็เรียกเก็บและโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการอ้างเอกสารดังกล่าวครบถ้วนถูกต้องแล้ว เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเอกสารที่รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ เพราะไม่ปรากฏว่าโจทก์ขัดขืนไม่ยอมเสียค่าอ้างเมื่อเจ้าหน้าที่เรียกเก็บจึงมิใช่ความผิดของโจทก์
ฎีกาข้อต่อมาศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยที่ ๑ ตัวแทนเชิดหรือตัวแทนโดยปริยายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๒๑และมาตรา ๗๙๗ วรรคสองนั้น ไม่อยู่ในบังคับมาตรา ๗๙๘ ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
พิพากษายืน

Share