แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.59 นั้นเป็นการใช้ดุลยพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงฉะเพาะเรื่อง มิใช่เป็นข้อ ก.ม.
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือนฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตาม ม. 254-63 ลดฐานปราณีตาม ม.59 กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน โดยบทมาตราเดียวกันและไม่ลดฐานปราณีให้เพราะถือว่าจำเลยจำนนแก่พยานดังนี้ถือว่าการลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตามม.59 เป็นการใช้ดุลยพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เป็นข้อ ก.ม.จึงฎีกาไม่ได้
ย่อยาว
ได้ความตามข้อหาและคำรับจำเลยว่าเมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๔๙๗ ขณะที่ศาลจังหวัดชลบุรีทำการพิจารณาคดีที่จำเลยต้องหาว่าปล้นและฆ่าเจ้าทรัพย์ซึ่งนายสมพงษ์ จันทร์ตรง ผู้เสียหายกำลังเบิกความเป็นพยาน จำเลยยังอาจทุบ ชก ต่อย และใช้เหล็๋กแหลมแทงนายสมพงษ์หลายที จนนายสมพงษ์ล้มลงในคอกพยาน
ได้ความเช่นนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยคนละ ๖ เดือนตาม ก.ม. อาญา ม. ๒๕๔-๖๓ ลดฐานปราณีตาม ม. ๕๙ กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ ๓ เดือน
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ ๑ ปี ๖ เดือน ตาม ก.ม.อาญา ม. ๒๕๔,๖๓ โดยบทมาตราเดียวกันและไม่ลดโทษฐานปราณีให้เพราะจำเลยจำนนแก่พยาน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่ารับเป็นฎีกาเฉพาะปัญหาข้อ ก.ม.ว่า “จำเลยรับสารภาพตามฟ้องแล้ว จะใช้ดุลยพินิจไม่ลดโทษตาม ม. ๕๙ ก.ม.อาญาได้หรือไม่ นอกนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงไม่รับ
ศาลฎีกาปรึกษาแล้วเห็นว่า การลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม ก.ม. อาญา ม. ๕๙ นั้น เป็นการใช้ดุลยพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง มิใช่เป็นข้อ ก.ม. จึงไม่รับวินิจฉัยฎีกา พิพากษาให้ยกฎีกาจำเลย