คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14839/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 289 หรือไม่ ส่วนคดีก่อนมีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยทั้งสองเป็นหนี้กู้ยืมผู้ร้อง อันเป็นหนี้ประธานหรือไม่ ส่วนที่มีคำขอให้บังคับจำนองที่ดินพิพาทเป็นหนี้อุปกรณ์ ประเด็นข้อพิพาทตามคำร้องคดีนี้และตามคำพิพากษาในคดีก่อนจึงเป็นคนละประเด็นกัน แม้ทรัพย์จำนองจะเป็นแปลงเดียวกันและผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 ในคดีนี้จะเป็นคู่ความเดียวกันกับคดีก่อนซึ่งพิพากษาให้บังคับจำนองที่ดินพิพาทมาด้วย ก็เป็นการรับรองสิทธิของผู้ร้องที่จะได้รับชำระหนี้จากจำเลยทั้งสองในคดีเดิมเท่านั้น เมื่อประเด็นข้อพิพาทของคำร้องคดีนี้และตามคำพิพากษาในคดีก่อนเป็นคนละประเด็นกัน โดยผู้ร้องชอบที่จะยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จากทรัพย์จำนองในคดีก่อนเจ้าหนี้รายอื่นได้ กรณีจึงหาเป็นเรื่องฟ้องซ้ำไม่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ร่วมกันใช้ราคาแทนเป็นเงิน 120,000 บาท กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์ 36,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 36,000 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 30 มีนาคม 2543) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้ร้องยื่นคำร้องลงวันที่ 21 มิถุนายน 2555 ขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองก่อนโจทก์และเจ้าหนี้รายอื่น เนื่องจากจำเลยที่ 2 เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องของศาลจังหวัดพัทยา (ที่ถูก ระยอง) ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ผบ.3822/2553 ระหว่าง บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (ผู้ร้อง) โจทก์ กับนายประจวบ ที่ 1 กับพวก รวมสองคน จำเลย ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาลงวันที่ 6 ตุลาคม 2553 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 785,120.92 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 253,143.65 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหรือชำระหนี้ไม่ครบถ้วน ให้ยึดที่ดิน น.ส. 3 ก. เลขที่ 16744 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินสุทธิไม่พอชำระ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน หลังจากนั้นจำเลยที่ 2 ยังไม่ชำระหนี้แก่ผู้ร้อง โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน น.ส. 3 ก. ของผู้ร้องออกขายทอดตลาด ซึ่งที่ดินที่โจทก์นำยึดนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 กับนางเครือวัลย์ ลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ผู้ร้องจึงอยู่ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนอง ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ซึ่งหากโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินการบังคับคดี ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องดำเนินการบังคับคดีต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น หากโจทก์สละสิทธิหรือเพิกเฉยในการบังคับคดี ให้ผู้ร้องดำเนินคดีแทนโจทก์
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความต่างนำสืบในชั้นไต่สวนคำร้องฟังเป็นยุติได้ว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส. 3 ก. เลขที่ 16744 ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ที่มีจำเลยที่ 2 คดีนี้กับนางเคลือวัลย์ เป็นเจ้าของร่วมกัน ซึ่งเป็นที่ดินแปลงเดียวกันกับที่ผู้ร้องได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในคดีนี้เป็นจำเลยที่ 1 นางเคลือวัลย์ เป็นจำเลยที่ 2 เรื่องยืม จำนอง ต่อมาศาลจังหวัดระยองมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้แก่ผู้ร้องหากไม่ชำระให้บังคับจำนองที่ดินดังกล่าว รายละเอียดตามสำเนาคำพิพากษาศาลจังหวัดระยองคดีหมายเลขแดงที่ ผบ.3822/2553 ต่อมาวันที่ 9 กันยายน 2553 โจทก์คดีนี้ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินแปลงพิพาทนำออกขายทอดตลาดไว้แล้ว
คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า คำร้องขอรับชำระหนี้จำนองของผู้ร้องนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งของศาลจังหวัดระยอง หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ตามคำร้องมีประเด็นข้อพิพาทว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 หรือไม่ สำหรับคดีแพ่งของศาลจังหวัดระยองนั้น มีประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยทั้งสองเป็นหนี้กู้ยืมผู้ร้องหรือไม่ อันเป็นหนี้ประธาน ส่วนที่มีคำขอให้บังคับจำนองที่ดินพิพาทเป็นหนี้อุปกรณ์ และศาลจังหวัดระยองมีคำพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดี ประเด็นข้อพิพาทตามคำร้องในคดีนี้ และตามคำพิพากษาในคดีเดิมจึงเป็นคนละประเด็นกัน แม้ทรัพย์จำนองจะเป็นแปลงเดียวกัน และผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 ในคดีนี้จะเป็นคู่ความเดียวกันกับคดีของศาลจังหวัดระยอง ซึ่งพิพากษาให้บังคับจำนองที่ดินพิพาทมาด้วย ก็เป็นการรับรองสิทธิของผู้ร้องที่จะได้รับชำระหนี้จากจำเลยทั้งสองในคดีเดิมเท่านั้น เมื่อประเด็นข้อพิพาทของคำร้องคดีนี้และตามคำพิพากษาในคดีเดิมเป็นคนละประเด็นกัน โดยผู้ร้องชอบที่จะยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จากทรัพย์จำนองในคดีนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นได้ กรณีจึงหาใช่เป็นเรื่องฟ้องซ้ำไม่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิจำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่นชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share