คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 ค้ำประกันการเข้าทำงานของจำเลยที่ 1 ใน หน้าที่พนักงานขับรถยนต์ของโจทก์ เฉพาะกรณีจำเลยที่ 1ปฏิบัติหน้าที่ราชการบกพร่องเป็นเหตุให้รถยนต์หรือทรัพย์สินของโจทก์ชำรุดเสียหาย หรือในกรณีที่โจทก์ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการที่จำเลยที่ 1 ทำละเมิดต่อบุคคลอื่นอันหมายถึงความเสียหายที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่พนักงานขับรถโดยเฉพาะ การที่จำเลยที่ 1 นำใบสำคัญเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลซึ่งเป็นเอกสารปลอมไปขอเบิกจ่ายรับเงินจากโจทก์ แม้เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ก็เป็นความเสียหายเกิดจากการฉ้อโกงนอกเหนือจากที่ระบุในสัญญาค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 10,667.50 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ 2 รับผิดชดใช้แทนในวงเงินไม่เกิน 10,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของโจทก์โดยเป็นพนักงานขับรถยนต์และจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันการเข้าทำงานของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ตามหนังสือสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย จ.1 และในระหว่างที่เข้าทำงานเป็นลูกจ้างพนักงานขับรถยนต์ของโจทก์จำเลยที่ 1 ได้นำใบสำคัญเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลนางถาด เรืองบุตร และนางยุพิน เรืองบุตร มารดาและภริยาของจำเลยที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.10 อันเป็นเอกสารปลอมมาขอเบิกจ่ายรับเงินค่ารักษาพยาบาลไปจากโจทก์รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,667 บาท 50 สตางค์ ปัญหาในชั้นนี้คงมีว่า จำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันเพียงใดหรือไม่

พิเคราะห์แล้ว สัญญาค้ำประกันที่จำเลยที่ 2 ทำให้ไว้ต่อโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.1 มีข้อความว่า “ตามที่นายสมชัย เรืองบุตร (จำเลยที่ 1)ได้ยื่นใบสมัครเข้าทำงานในหน้าที่คนขับรถยนต์ของกรมที่ดินนั้น ผู้ค้ำประกันขอรับรองว่า ถ้านายสมชัย เรืองบุตร ได้รับการบรรจุเข้าทำงานแล้ว ปฏิบัติหน้าที่ราชการบกพร่อง เป็นเหตุให้รถยนต์หรือทรัพย์สินของกรมที่ดินชำรุดเสียหายหรือทำให้กรมที่ดินต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายใด ๆ อันนายสมชัย เรืองบุตรได้กระทำละเมิดต่อบุคคลอื่น ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแทนให้ทันที ภายในวงเงินไม่เกิน 10,000 บาท” เห็นได้ว่าความรับผิดของจำเลยที่ 2 ตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าวนี้ก็เฉพาะแต่ในกรณีที่จำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ราชการบกพร่องเป็นเหตุให้รถยนต์หรือทรัพย์สินของโจทก์ชำรุดเสียหายหรือในกรณีที่โจทก์ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายใด ๆ อันเกิดจากการที่จำเลยที่ 1ได้กระทำละเมิดต่อบุคคลอื่น อันหมายถึงความเสียหายที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่การงานพนักงานขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1 โดยเฉพาะ ส่วนการที่จำเลยที่ 1 นำใบสำคัญเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลตามเอกสารดังกล่าวข้างต้นซึ่งเป็นเอกสารปลอมไปขอเบิกจ่ายรับเงินจากโจทก์ แม้จะเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ก็เป็นความเสียหายอันเกิดจากการฉ้อโกงของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกรณีนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาค้ำประกัน จำเลยที่ 2 จึงไม่จำต้องรับผิดต่อโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีการะหว่างคดีของโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ

Share