คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องฐานแจ้งความเท็จและฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต ที่ถือว่ายังไม่สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5)

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทั้ง ๕ คนสมคบกันทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกะทง คือ
(ก) เมื่อวันเดือนใดจำไม่ได้ พ.ศ. ๒๔๙๒ และ ในวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๔๙๒ เวลากลางวันจำเลยที่ ๑-๒ และ ๓ ได้มีเจตนาสมคบกันบังอาจเอาความที่จำเลยที่ ๑,๒,๓ รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จซึ่งอาจทำให้นายห่งเสียหายได้นั้น ไปแจ้งเป็นทางราชการและร้องทุกข์แก่จำเลยที่ ๓ ว่านายห่ง แซ๋ซือ โจทก์คดีนี้ฉ้อโกงทรัพย์เป็นความผิดทางอาญา อันเป็นการที่จำเลยที่ ๓ อาศัยอำนาจในตำแหน่งเพื่อกระทำการทุจริต ซึ่งความจริงนายห่ง แซ่ซือโจทก์ในคดีนี้มิได้ฉ้อโกงทรัพย์จำเลยที่ ๑ เลย เหตุเกิดที่ตำบลสามปราบ อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง
(ข) เมือวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๔๙๒ เวลากลางวัน และกลางคืนต่อกันจำเลยที่ ๒-๓-๔-๕ มิได้มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายได้สมคบกันบังอาจจับ นายหุ่ง แซ่ซือโจทก์ไปจากบ้าน ซึ่งเป็นบ้านที่นายห่งอาศัยอยู่มาควบคุมกักขังไว้ ๑ คืนแล้วยึดถั่วลิสงไว้ ๑๙ กระสอบ รุ่งขึ้นจึงได้ประกันตัวไปต่อมาเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๔๙๒ จำเลยที่ ๓ บังคับให้นายห่ง แซ๋ซือโจทก์ทำหนังสือลงลายมือชื่อเป็นลูกหนี้จำเลยที่ ๑ แล้วจำเลยที่ ๓ จึงปล่อยตัวนายห่ง แซ่ซือโจทก์โดยไม่มีประกันตัวไป เหตุเกิดที่ตำบลสามปราบ กิ่งอำเภอสามปราบ อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ขอให้ลงโทษ……………..”
ศาลชั้นต้นสอบถาม โจทก์แถลงว่าที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดในฟ้องข้อ ข.นั้นเนื่องจากการกระทำผิดในข้อ ก. ศาลชั้นต้นจึงงดไต่สวนมูลฟ้อง แล้วยกฟ้องโจทก์เสียโดยอ้างว่าฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕๘(๕)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์ข้อ ๑ ก. มีข้อความขัดกันในตัวเองทั้งที่ว่าจำเลยที่ ๓ (ซึ่งเป็นปลัดอำเภอ) อาศัยอำนาจในตำแหน่งเพื่อทำการทุจริต ก็เป็นคำกล่าวลอย ๆ ไม่มีข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๓ ทำอะไรอย่างไร ไม่อาจจะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ คำฟ้องเช่นนี้ไม่ถูกต้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา๑๕๘(๕) และการกระทำตามฟ้องข้อ ๑ ข.นั้นโจทก์แถลงว่าเนื่องจากการกระทำตามฟ้องข้อ ๑ ก. เมื่อฟ้องข้อ ๑ ก.ไม่เป็นฟ้องที่ชอบเสียแล้วก็ฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ ๒-๓-๔-๕ ไม่ชอบด้วย ก.ม. ศาลล่างทั้งสองยกฟ้องชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share