คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2548

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์มีแต่คำให้การในชั้นสอบสวนของ ช. และ ป. มาแสดงว่า เมื่อ ช. และ ป. ถูกจับกุมในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การในชั้นสอบสวนซัดทอดไปถึงจำเลยว่า เฮโรอีนที่ตนมีไว้ในครอบครองซื้อมาจากจำเลย แต่โจทก์ไม่สามารถนำ ช. และ ป. มาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ คำให้การในชั้นสอบสวนของผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้จึงเป็นพยานบอกเล่าไม่มีน้ำหนักรับฟังมาลงโทษจำเลยได้
ธนบัตรของกลางที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายยาเสพติดให้บุคคลอื่นไปก่อนคดีนี้นั้น มิใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือได้มาโดยได้กระทำความผิดในคดีนี้จึงไม่อาจริบได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 ริบเฮโรอีน เมทแอมเฟตามีน และธนบัตร 3,000 บาท ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานนี้ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน ฐานมีเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 2 กระทง จำคุกกระทงละ 8 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน 2 กระทง จำคุกกระทงละ 4 ปี รวม 4 กระทง จำคุก 24 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 16 ปี รวมทุกกระทงจำคุกมีกำหนด 16 ปี 3 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) ฐานมีเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นความผิดกรรมเดียวให้ลงโทษจำคุก 8 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษจำคุกฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาต เป็นจำคุกมีกำหนด 5 ปี 7 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันรับฟังเป็นยุติได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยมีเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตตามฟ้อง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจเอกเจษฎากร ศรีงาม ดาบตำรวจสามารถ ปานดำ สิบตำรวจตรีองอาจ วิภาคะ เป็นพยานเบิกความทำนองเดียวกันว่า ก่อนจับกุมจำเลยสืบทราบมาว่าจำเลยมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้โทษจึงได้มีการขอหมายค้นจากศาลเพื่อตรวจค้นบ้านจำเลยซึ่งตรงกับช่วงที่มีการระดมกำลังเพื่อกวาดล้าง หลังจากเข้าตรวจค้นบ้านจำเลยพบเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครองครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องแล้ว ปรากฏว่ามีเจ้าพนักงานตำรวจอีกชุดที่ออกทำการกวาดล้างสามารถจับกุมนายณรงค์ นามโชติ นายประเสริฐ รัดพวงทอง และนายชูศักดิ์ เผ่าพันธุ์ศรี พร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนเป็นของกลาง ผู้ต้องหาทั้งสามคนนี้ให้การว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนมาจากจำเลย นายณรงค์ นามโชติ มาเบิกความสนับสนุนคำพยานโจทก์ว่าในชั้นสอบสวนได้ให้การว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนที่ตนมีไว้ในครอบครองมาจากจำเลยและรับว่าไม่ได้ถูกขู่เข็ญหรือบังคับให้ต้องให้การดังกล่าวแต่อย่างใด แต่มาในชั้นพิจารณานายณรงค์เบิกความว่าซื้อมาจากนายชูศักดิ์ซึ่งนำมาจำหน่ายที่บ้านจำเลย จำเลยอ้างตนเองเป็นพยานเบิกความให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาต ข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ เห็นว่า ในข้อหาจำหน่ายเฮโรอีนและเมทแอมเฟตามีน เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธ จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ได้ข้อเท็จจริงตามฟ้อง พิจารณาพยานหลักฐานของโจทก์แล้วในข้อหาจำหน่ายเฮโรอีนนั้น โจทก์มีแต่คำให้การในชั้นสอบสวนของนายชูศักดิ์และนายประเสริฐตามบันทึกคำให้การเอกสารหมาย ป.จ.6 และ ป.จ.7 มาแสดงว่าเมื่อนายชูศักดิ์และนายประเสริฐถูกจับกุมในข้อหามีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้ให้การในชั้นสอบสวนซัดทอดไปถึงจำเลยว่าเฮโรอีนที่ตนมีไว้ในครอบครองได้ซื้อมาจากจำเลย แต่โจทก์ไม่สามารถนำนายชูศักดิ์และนายประเสริฐมาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ คำให้การในชั้นสอบสวนของผู้ต้องหาทั้งสองคนนี้จึงเป็นพยานบอกเล่าไม่มีน้ำหนักรับฟังมาลงโทษจำเลยได้
ธนบัตร 3,000 บาท ของกลางที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายให้บุคคลอื่นไปก่อนคดีนี้นั้น มิใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือได้มาโดยได้กระทำความผิดในคดีนี้ จึงไม่อาจริบได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้อง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบธนบัตร 3,000 บาท ของกลาง โดยให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7

Share