คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับบัญชีระบุพะยาน โดยเห็นว่าไม่ได้ยื่นก่อนกำหนดวันสืบพยาน 3 วัน ฝ่ายนั้นจึงยื่นคำร้องแสดงเหตุผลต่าง ๆ ขอให้ศาลสั่งรับบัญชีพยานเพื่อสืบพยานของคนต่อไปนั้น ถือได้ว่าเป็นการ
โต้แย้งคำสั่งตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226 (2) แล้ว.
จำเลยยื่นบัญชีระบบพยานช้าไปเพียววันเดียว โดยมิได้จงใจฝ่าฝืน แต่เป็นเรื่องรู้เท่าไม่ถึงการ เพียงเท่านี้จะปรับ
ลงโทษถึงกับยอมให้จำเลยมีโอกาสสืบพยานทีเดียว เป็นการรุนแรงไป เมื่อโจทก์ไม่เสียเปรียบ ก็พอถือได้ว่ากรณีมี
เหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานจำเลยได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87(2).
แม้จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านในข้อกฎหมายเพียงว่า การยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลย ไม่ผิดต่อกฎหมายเท่านั้น
แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าการยื่นบัญชีระพยานของจำเลยยังไม่ถูกต้องตาม ก.ม.ก็ดี เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นกรณี
มีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ย่อมมีอำนาจยกเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยาน
หลักฐานของจำเลยได้ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87 (2) ไม่ถือว่าเป็นการเกินคำขอ./

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทอ้างว่า เป็นที่ของโจทก์ จำเลยบุกรุกเข้ามา
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นที่ของจำเลย โจทก์บุกรุกเข้ามา จึงฟ้องแย้งขอให้ขับไล่โจทก์.
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๔ ครั้นถึงวันที่ ๑๖ เดือนเดียวกัน จำเลยยื่นบัญชีระบุพยาน ศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่ยื่นภายในกำหนด จึงไม่รับ ในวันที่ ๒๐ เดือนนั้น จำเลยยื่นคำร้องว่า เพิ่งทราบคำสั่งของศาลที่ไม่
รับบัญชีพะยาน จึงขอแถลงให้ทราบว่าา จำเลยเชื่อตามทนายว่า นับแต่วันที่ยื่นด้วยเป็น ๓ วัน จึงฟิดไป ๑ วัน ขอศาล
ได้โปรดอนุญาตให้จำเลยระบุพยานประกอบข้อต่อสู้ต่อไป แต่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต แล้วทำการพิจารณาสืบพยานโจทก์
ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์อ้างฎีกาที่ ๔๕๕/๒๔๙๑,๑๘๓๐/๒๔๙๒ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีระบุพยาน
จำเลย และดำเนินการสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกา เห็นว่า เมื่อศาลมีคำสั่งไม่รับบัญชีพยานของจำเลยแล้ว ต่อมาจำเลยก็ได้ยื่นคำร้องลงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๔
แสดงเหตุผลต่าง ๆ ขอให้ศาลรับบัญชีพยานเพื่อสืบพยานจำเลยต่อไป กรณีจึงถือได้เท่ากับจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งนั้นแล้ว
จำเลยชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้
และเห็นว่าจำเลยยื่นบัญชีพยานช้าไปเพียงวันเดียว มิได้จงใจฝ่าฝืน เป็นเรื่องที่รู้เท่าไม่ถึงการ เพียงเท่านี้จะปรับลง
โทษถึงกับตัดไม่ยอมให้จำเลยมีโกาสสืบพยานทีเดียว เป็นการรุนแรงเกินควรไป ทั้งโจทก์ก็ไม่เสียเปรียบในทางคดี
เพราะขณะนั้นยังไม่ได้สืบพยานกรณีมีเหตุสมควรเพื่อความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานหลักฐานจำเลยได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่ง
มาตรา ๘๗ (๒).
สำหรับฎีกาอีกข้อหนึ่งนั้น แม้จำเลยจะอุทธรณ์คัดค้านในข้อกฎหมายว่าการยื่นบัญชีพะยานไม่ผิดต่อกฎหมาย โดยไม่ได้
กล่าวถึงในข้อคดีมีเหตุเพื่อความยุติธรรมอย่างไร ที่ควรจะอนุญาตให้รับบัญชีพยานของจำเลยก็ดี แต่ในที่สุดจำเลยได้
ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งศาลชั้นต้นรับบัญชีพยานจำเลยต่อไป อันแสดงให้เห็นได้ว่า ความประสงค์ของจำเลยอันแท้จริง ก็คือ
จะต้องเหตุใดก็ตาม ขอให้ศาลสั่งรับบัญชีพยานเพื่อสืบพยานจำเลยต่อไปนั่นเอง คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงหาเกินคำ
ขอไม่.
จึงพิพากษายืน.

Share