คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์เคยได้รับเลือกเป็นกรรมการสหภาพแรงงานการประปาแห่งประเทศไทยเคยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาสมทบฝ่ายลูกจ้างศาลแรงงาน กรรมการสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ และโจทก์ยังมีอาชีพเป็นตัวแทนหาประกันชีวิตของบริษัท ท. แม้ตำแหน่งต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นจะไม่ได้รับการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งมิใช่เนื่องจากการหมิ่นประมาทของจำเลยก็ตาม แต่การที่โจทก์เคยได้รับเลือกตั้งหรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ดังกล่าวย่อมแสดงว่าโจทก์เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงดี ได้รับการยกย่องจากเพื่อนร่วมงานอย่างมาก นอกจากนั้นการที่โจทก์เป็นตัวแทนหาประกันชีวิต โจทก์จะต้องไม่เป็นบุคคลที่มีความประพฤติเสียหาย จึงจะมีผู้เชื่อถือซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตผ่านโจทก์ฉะนั้น การที่จำเลยกล่าวหาโจทก์ในเรื่องที่แสดงว่าโจทก์ไม่ซื่อสัตย์ ย่อมต้องกระทบต่อชื่อเสียงเกียรติคุณและทางทำมาหาได้ของโจทก์อันทำให้โจทก์เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพนักงานการประปานครหลวงตำแหน่งช่างฝีมือ 3 ส่วนทะเบียนและซ่อมบำรุง กองบริการภายในจำเลยเป็นพนักงานการประปานครหลวงตำแหน่งผู้อำนวยการบำรุงรักษาเมื่อประมาณต้นเดือนเมษายน 2534 จำเลยกระทำการละเมิดต่อโจทก์ด้วยการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงโดยกล่าวใส่ความโจทก์ต่อนายสุชาติ โสภณธรรมวาทีและนายสอาด เสียงสืบงาม ว่า “ตอนสมัยที่โจทก์ยังคงทำงานอยู่ที่เขตบริการพระโขนง โจทก์ได้ไปลักเจาะท่อประปาใหม่ให้แก่โรงน้ำแข็งในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการผิดระเบียบของการประปานครหลวง โจทก์ถูกตั้งกรรมการสอบสวนมีโทษหนักถึงไล่ออกจากงาน และตัวจำเลยเป็นกรรมการสอบสวนเอาความผิดแก่โจทก์ด้วย โจทก์ไปขอร้องให้ช่วยเหลือมิฉะนั้นครอบครัวจะเดือดร้อน โจทก์ต้องถูกไล่ออกจากงาน จำเลยสงสารเห็นแก่ครอบครัวจึงได้ช่วยเหลือให้โจทก์พ้นผิดจากการถูกลงโทษ ถ้าจำเลยไม่ช่วยเหลือก็ต้องถูกไล่ออกจากงานไปแล้ว” ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริงจำเลยจงใจกล่าวใส่ความโจทก์เพื่อให้บุคคลอื่น ผู้บังคับบัญชาผู้ร่วมงาน เพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง และบุคคลทั่วไปเข้าใจว่าโจทก์มีพฤติการณ์เช่นที่จำเลยใส่ความ ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง เสื่อมเสียต่อชื่อเสียง เกียรติคุณ และทางทำมาหาได้โจทก์เคยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาสมทบศาลแรงงานกลางได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานของกระทรวงมหาดไทย ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการสหภาพแรงงานการประปาแห่งประเทศไทย ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์การประปานครหลวงเป็นที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนหลายแห่ง เป็นหัวหน้าหน่วยของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด และดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับบ้านและที่ดินจัดสรร โจทก์ขอคิดค่าเสียหายที่ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ความเชื่อถือ และทางทำมาหาได้ทั้งสิ้นเป็นเงิน1,000,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าเสียหายแก่โจทก์1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จและให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ เดลิมิเรอร์ บ้านเมือง และมติชน โดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกล่าวใส่ความโจทก์ต่อนายสุชาติ โสภณธรรมวาที และนายสอาด เสียงสืบงาม ด้วยข้อความที่ฝ่าฝืนต่อความจริง จำเลยเคยกล่าวต่อบุคคลทั้งสองเมื่อวันที่21 มกราคม 2534 ว่า “พวกของโจทก์เจาะท่อประปาไปใช้ที่โรงน้ำแข็งแล้วถูกออกจากงาน จำเลยได้ช่วยไว้โดยนำไปฝากเข้าทำงานกับเพื่อนของจำเลยซึ่งรับเหมาวางท่อประปา” จำเลยชี้แจงความหมายของคำพูดดังกล่าวต่อโจทก์ว่าเป็นการกล่าวถึงพวกของโจทก์ มิได้เป็นการกล่าวหมิ่นประมาทหรือใส่ความโจทก์ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องเป็นจำนวนที่สูงเกินจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ให้ลงพิมพ์โฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์หนังสือพิมพ์บ้านเมือง และหนังสือพิมพ์มติชน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระเงินค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2535 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกาโดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นที่ยุติในเบื้องต้นว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยกล่าวหรือไขข่าวต่อนายสุชาติ โสภณธรรมวาที และนายสอาด เสียงสืบงามว่าโจทก์ลักน้ำประปาโดยเจาะต่อท่อประปาให้กับโรงน้ำแข็งในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต และโจทก์เคยได้รับเลือกเป็นกรรมการสหภาพแรงงานการประปาแห่งประเทศไทย กรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานการประปานครหลวง จำกัด เคยได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาสมทบฝ่ายลูกจ้างศาลแรงงาน กรรมการสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติ และโจทก์ยังมีอาชีพเป็นตัวแทนหาประกันชีวิตของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัด แต่ที่โจทก์ไม่ได้รับเลือกและแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวเนื่องจากสหภาพแรงงานการประปาแห่งประเทศไทยถูกยุบโดยคำสั่งของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ทำให้โจทก์ไม่อาจได้รับเลือกเป็นกรรมการสหภาพแรงงานการประปาแห่งประเทศไทย และไม่อาจได้รับแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาสมทบโดยการเลือกของสหภาพแรงงานการประปาแห่งประเทศไทยส่วนที่โจทก์ไม่ได้รับเลือกเป็นกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานการประปานครหลวง จำกัด เนื่องจากโจทก์ลาออกจากสมาชิกภาพจึงขาดคุณสมบัติ ส่วนกรรมการสภาที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาแรงงานแห่งชาติปรากฏว่าโจทก์ไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2525 จนถึงเดือนมีนาคม 2535 ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยมีเพียงข้อเดียวว่าโจทก์เสียหายเพียงใดเห็นว่า แม้ตำแหน่งต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นจะไม่ได้รับแต่งตั้งหรือเลือกตั้งมิใช่เนื่องจากการหมิ่นประมาทของจำเลยก็ตามแต่การที่โจทก์เคยได้รับเลือกตั้งหรือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ย่อมแสดงว่าโจทก์เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงดีได้รับการยกย่องจากเพื่อนร่วมงานอย่างมาก นอกจากนั้นการที่โจทก์เป็นตัวแทนหาประกันชีวิตของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต จำกัดโจทก์จะต้องไม่เป็นบุคคลที่มีความประพฤติเสียหาย จึงจะมีผู้เชื่อถือซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตผ่านโจทก์ ฉะนั้น การที่จำเลยกล่าวหาโจทก์ในเรื่องที่แสดงว่าโจทก์ไม่ซื่อสัตย์ ย่อมต้องกระทบต่อชื่อเสียง เกียรติคุณและทางทำมาหาได้ของโจทก์เป็นแน่อันทำให้โจทก์เสียหาย ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาท และให้ลงพิมพ์คำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวันจำนวน 4 ฉบับ โดยค่าใช้จ่ายของจำเลยจึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share