คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยรู้อยู่แล้วว่าชิ้นเนื้อในอาหารที่จำเลยนำมาให้ ฟ. มีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ การที่จำเลยส่งมอบอาหารซึ่งเป็นชิ้นเนื้อที่มีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เพื่อส่งมอบให้แก่ ฟ. ต่อไป เข้าลักษณะเป็นการจำหน่ายตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันมีเฮโรอีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 14 ก้อน น้ำหนัก 135.9 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 128.4 กรัม ไว้ในครอบครองของจำเลยทั้งสองเพื่อจำหน่ายและจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวให้แก่นายแฟรงค์รุดวู้หรือซูกู หรือซุควู้ ผู้ต้องหาในคดีอื่นที่ห้องควบคุมผู้ต้องขังของศาลอาญา ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83 นับโทษจำเลยทั้งสองต่อจากโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ละเมิด 2/2541 ของศาลชั้นต้น ริบของกลาง

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, (ที่ถูกวรรคหนึ่งและวรรคสอง) 66 วรรคสอง, 102 การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทแต่ละบทมีโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิต ทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด33 ปี 4 เดือน ให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ละเมิด 2/2541 ของศาลชั้นต้นริบของกลาง ยกฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 1

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2กระทำความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนายประเทือง คงปัญญา และนายสมหมาย ไชยกลาง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประจำศาล ห้องควบคุมศาลอาญาเบิกความว่า วันเกิดเหตุขณะพยานปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นและรับฝากสิ่งของจากญาติที่นำมาฝากให้ผู้ต้องขังในห้องควบคุม จำเลยทั้งสองนำอาหารและน้ำมาฝากให้นายแฟรงค์ ซูกู จำเลยที่ 2 เป็นผู้ถือถุงอาหาร โดยบอกว่านายแฟรงค์ ซูกูอยู่ในห้องพิจารณาจากนั้นจำเลยที่ 2 เป็นผู้เขียนชื่อผู้ที่จะรับฝากของลงในแผ่นกระดาษว่า “แฟรงค์ ซูคูล ไนจีเจีย ยา” และได้ส่งแผ่นกระดาษดังกล่าวให้นายประเทือง จำเลยทั้งสองแจ้งว่าจะไปพบนายแฟรงค์ ซูกูที่ห้องพิจารณานายประเทืองได้ตรวจถุงอาหารที่จำเลยทั้งสองนำมาฝากปรากฏว่ามีข้าวบรรจุในกระปุกพลาสติกใส 1 กระปุก แกงบรรจุในกระปุกพลาสติกใส 1 กระปุก และน้ำดื่ม 1 ขวด นายประเทืองใช้มีดปลายแหลมทิ่มที่ก้อนเนื้อในแกงพบว่าภายในมีลักษณะแข็งจึงหยิบชิ้นเนื้อออกมาและใช้มีดหั่นพบว่าในชิ้นเนื้อมีวัตถุห่อหุ้มด้วยเทปสีเหลือง นายประเทืองใช้มีดหั่นออกดูพบว่าเป็นผงสีขาวอัดแน่นอยู่ภายใน นายประเทืองสงสัยว่าจะเป็นยาเสพติดจึงลองชิมดู ปรากฏว่ามีรสขมจึงทราบว่าเป็นเฮโรอีนจึงตรวจดูชิ้นเนื้อทั้งหมด ปรากฏว่ามีวัตถุและผงสีขาวเช่นเดียวกับชิ้นแรก นายประเทืองได้แจ้งให้นายณรงค์ ศรีสุวรรณ ผู้บังคับบัญชาทราบ นายประเทืองไปที่ห้องพิจารณาคดีพบจำเลยทั้งสองนั่งอยู่ด้านหลังนายแฟรงค์ ซูกู จึงควบคุมตัวจำเลยทั้งสองไว้และแจ้งว่ามีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ในอาหาร จำเลยทั้งสองยอมรับว่าเป็นผู้ส่งอาหารดังกล่าวโดยมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในอาหารจริง ส่วนจำเลยที่ 2 นำสืบรับว่า เป็นผู้นำอาหารมาฝากให้นายแฟรงค์ ซูกู จริง แต่นายเอมาเป็นผู้ว่าจ้างให้นำมาส่งเป็นเงินจำนวน1,500 บาท จำเลยที่ 2 ทราบว่าอาหารที่นายเอมาให้นำมาฝากแก่นายแฟรงค์ซูกู เป็นแกงเนื้อ และจำเลยที่ 2 ไม่รู้จักนายแฟรงค์ ซูกู มาก่อน เห็นว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้นำแกงเนื้อมาฝากให้นายแฟรงค์ ซูกู ซึ่งในชิ้นเนื้อนั้นมีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ โดยนอกจากจำเลยที่ 2 จะเขียนระบุชื่อผู้รับฝากว่าคือนายแฟรงค์ ซูกู แล้ว จำเลยที่ 2 ยังเขียนระบุว่านายแฟรงค์ ซูกูเป็นชาวไนจีเรียอีกด้วย ซึ่งในเรื่องนายแฟรงค์ ซูกู เป็นชาวไนจีเรียนี้ไม่ปรากฏว่านายเอมาได้บอกแก่จำเลยที่ 2 หากจำเลยที่ 2 ไม่รู้จักนายแฟรงค์ ซูกู มาก่อน จำเลยที่ 2 จะทราบได้อย่างไรว่านายแฟรงค์ซูกู เป็นชาวไนจีเรีย และหลังจากที่จำเลยที่ 2 ส่งอาหารแก่นายประเทืองเพื่อมอบให้นายแฟรงค์ ซูกู แล้ว จำเลยที่ 2 ยังขึ้นไปพบนายแฟรงค์ ซูกูที่ห้องพิจารณาและได้พูดคุยกับนายแฟรงค์ ซูกู อีกด้วย แสดงว่าจำเลยที่ 2 กับนายแฟรงค์ ซูกู รู้จักกันมาก่อนเกิดเหตุ ไม่ใช่ไม่รู้จักนายแฟรงค์ซูกู ดังที่จำเลยที่ 2 นำสืบ จำเลยที่ 2 เบิกความว่า วันที่ 25 มีนาคม2541 เวลาประมาณ 23 นาฬิกา นายเอมาได้มาพบจำเลยที่ 2 ขอให้ช่วยนำอาหารไปส่งให้เพื่อนที่ศาลอาญา จำเลยที่ 2 ตกลง และต่อมาเวลา 4 นาฬิกา นายเอมานำข้าวสวย 1 กล่อง และแกง 1 กล่องมามอบให้จำเลยที่ 2 แต่จำเลยที่ 1 กลับเบิกความว่า ตั้งแต่คืนวันที่ 25มีนาคม 2541 ถึงเช้าวันที่ 26 มีนาคม 2541 จำเลยที่ 1 ทำงานร่วมกับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ไม่เห็นว่ามีผู้นำอาหารมาฝากให้แก่จำเลยที่ 2ดังนั้น ที่จำเลยที่ 2 เบิกความว่านายเอมานำอาหารมาให้จำเลยที่ 2เมื่อเวลา 4 นาฬิกา จึงยังไม่แน่ชัดว่าข้อเท็จจริงจะเป็นไปดังที่จำเลยที่ 2เบิกความหรือไม่ และที่จำเลยที่ 2 เบิกความว่ารู้จักและคุ้นเคยกับนายเอมาในฐานะเพื่อนมาประมาณ 5 ปี จำเลยที่ 2 ย่อมต้องทราบชื่อของนายเอมาในฐานะที่เป็นคนรู้จักกัน แต่จำเลยที่ 2 กลับเบิกความว่า เพิ่งทราบชื่อนายเอมาในคืนวันที่ 25 มีนาคม 2541 ซึ่งเป็นคืนที่จำเลยที่ 2 อ้างว่านายเอมาฝากให้จำเลยที่ 2 นำอาหารไปให้นายแฟรงค์ ซูกู จำเลยที่ 2เบิกความต่อไปว่า ขณะที่นายเอมาส่งอาหารให้แก่จำเลยที่ 2 นั้นนายเอมาได้ส่งกระดาษให้จำเลยที่ 2 จำนวน 1 แผ่น ในกระดาษระบุว่าเวลา 8.30 นาฬิกา ศาลอาญารัชดาชื่อแฟรงค์ ซูกู แสดงว่าจำเลยที่ 2 จะต้องนำแผ่นกระดาษดังกล่าวติดตัวไปด้วยเพื่อที่จะไม่ลืมชื่อของผู้รับอาหารแต่หลังจากเกิดเหตุแล้วขณะที่นายประเทืองสอบถามจำเลยที่ 2 เกี่ยวกับอาหารที่จำเลยที่ 2 นำมาฝากให้นายแฟรงค์ ซูกูจำเลยที่ 2 บอกแต่เพียงว่าได้รับจ้างจากชายผิวดำให้นำอาหารมาส่งให้นายแฟรงค์ ซูกู โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 แสดงเอกสารที่จำเลยที่ 2 อ้างว่านายเอมาเขียนชื่อของนายแฟรงค์ ซูกู ให้นายประเทืองทราบเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด ข้อนำสืบของจำเลยที่ 2 ที่ว่า นายเอมาฝากอาหารให้จำเลยที่ 2 นำมาให้นายแฟรงค์ ซูกู ที่ห้องควบคุมผู้ต้องหาที่ศาลอาญาจึงไม่มีน้ำหนักในการรับฟังรูปคดีเชื่อได้ว่า จำเลยที่ 2 นำอาหารมาให้นายแฟรงค์ซูกู ที่ศาลอาญาเอง โดยนายเอมาไม่ได้รับวานมา ซึ่งการที่จำเลยที่ 2รู้จักกับนายแฟรงค์ ซูกู มาก่อน และได้นำอาหารซึ่งมีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่มาฝากให้แก่นายแฟรงค์ ซูกู ด้วยตนเอง แสดงว่าจำเลยที่ 2ต้องรู้จักนายแฟรงค์ ซูกู ดีพอสมควร จำเลยที่ 2 จะปฏิเสธได้อย่างไรว่าไม่รู้ว่ามีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ในอาหารที่จำเลยที่ 2 นำมา ส่วนที่จำเลยที่ 2นำสืบอ้างว่า หากจำเลยที่ 2 นำเฮโรอีนมาส่งให้แก่นายแฟรงค์ ซูกู จริง จำเลยที่ 2 น่าจะหลบหนีไปแล้วนั้น เห็นว่า การซุกซ่อนเฮโรอีนในชิ้นเนื้อได้กระทำอย่างมิดชิดมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น นายประเทืองเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ผู้ตรวจค้นต้องใช้มีดหั่นออกจึงพบว่ามีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่จำเลยที่ 2 คงเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่จะไม่ทราบและตรวจค้นไม่พบจึงได้กล้าที่จะกระทำ ข้ออ้างของจำเลยที่ 2 ไม่มีน้ำหนักในการรับฟังอีกเช่นกัน ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 รู้อยู่แล้วว่าในชิ้นเนื้อที่จำเลยที่ 2 นำมาให้นายแฟรงค์ ซูกู มีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ การที่จำเลยที่ 2ส่งมอบอาหารซึ่งเป็นชิ้นเนื้อที่มีเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เพื่อส่งมอบให้แก่นายแฟรงค์ ซูกู ต่อไปเข้าลักษณะเป็นการจำหน่ายตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แล้วที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”

พิพากษายืน

Share