คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 20,000 บาท ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี แม้จำเลยจะได้ยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ ก็เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อนั้นเป็นคุณแก่จำเลย และโจทก์ฎีกาต่อมา แต่เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามกฎหมายแล้วก็ย่อมไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้นำสืบว่าโจทก์ยินยอมตกลงรับจะปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบรับของ จำเลยจึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ให้พ้นความรับผิด จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ยอมรับปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นแล้ว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ข้อนี้โดยเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่อยู่แล้วจึงมิได้วินิจฉัยปัญหานี้ ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่ชอบที่จะให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวไปเสียเลยก็ได้ และวินิจฉัยว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประกอบธุรกิจรับขนส่งสินค้า จำเลยตกลงรับขนส่งสินค้าให้โจทก์ จำเลยรับสินค้าไปแล้วตามสำเนาใบรับของท้ายฟ้อง แต่จัดส่งสินค้าให้ผู้รับไม่ครบจำนวนคิดเป็นเงิน 10,458 บาท ขอให้จำเลยชดใช้เงินดังกล่าว

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้รับขนส่งสินค้าตามฟ้อง โจทก์ตีราคาสินค้าที่สูญหายไปโดยไม่สุจริต และตัดฟ้องว่า ใบรับของท้ายฟ้อง เป็นสัญญารับจ้างขนส่งและเป็นสัญญาต่างตอบแทน โดยมีข้อสัญญาระบุว่าผู้รับขนส่งจะรับผิดชอบการสูญหายของสินค้าภายใน 30 วัน สินค้าที่ไม่ประเมินราคาชดใช้ไม่เกิน 200 บาท ปรากฏว่าโจทก์แจ้งสินค้าสูญหายเกินกำหนดเวลา 30 วัน เท่ากับสละสิทธิเรียกร้อง และสินค้าโจทก์มิได้ประเมินราคา หากต้องรับผิดก็ไม่เกิน200 บาท

วันนัดสืบพยานโจทก์ ฝ่ายโจทก์มาศาล ฝ่ายจำเลยทนายมอบฉันทะให้เสมียนมายื่นคำร้องขอเลื่อนนัด โจทก์รับสำเนาแล้วแถลงว่าแล้วแต่ศาลจะสั่ง

ศาลชั้นต้นเห็นว่า เหตุที่ทนายจำเลยขอเลื่อนการพิจารณาไม่สมควรจึงไม่อนุญาต และทำการสืบพยานโจทก์เสร็จในวันนัด และนัดสืบพยานจำเลยแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยต้องรับผิด พิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนนัด และอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับอุทธรณ์

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์ข้อ 2(ก)เป็นอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งจำเลยโต้แย้งไว้แล้ว อุทธรณ์ข้อ 2(ข)เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้รับอุทธรณ์ทั้งสองข้อ

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า กรณีมีเหตุสมควรที่จะให้เลื่อนนัดสืบพยานโจทก์ไปตามที่จำเลยขอ คดีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลย พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยอนุญาตให้เลื่อนนัดสืบพยานโจทก์ไปตามที่จำเลยขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 20,000 บาท ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนนัดโดยศาลชั้นต้นเห็นว่าการขอเลื่อนนัดของทนายจำเลยไม่มีเหตุอันสมควรนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการที่ศาลชั้นต้นมีดุลพินิจไม่ยอมเลื่อนการพิจารณาไปอันทำให้จำเลยไม่ได้ถามค้านพยานโจทก์ แม้จำเลยจะได้ยื่นคำแถลงโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไว้ก็เป็นกรณีปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518มาตรา 3 แม้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อนี้เป็นคุณแก่จำเลยและโจทก์ฎีกาต่อมา แต่เมื่ออุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามกฎหมายแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย

ส่วนที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ข้อ 3(ข) ซึ่งเป็นข้อตัดฟ้องของจำเลยว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย และเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจึงเห็นว่าคดีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้อนี้นั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นควรวินิจฉัยปัญหาข้อนี้ไปเสียเลยโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่ ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อตัดฟ้องของจำเลยนั้นศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้นำสืบพยานหลักฐานให้ปรากฏข้อเท็จจริงแต่ประการใดให้ฟังได้ว่าโจทก์ตกลงยินยอมรับจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่จำเลยยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ข้อตกลงตามเงื่อนไขดังกล่าว จึงไม่ผูกพันโจทก์อุทธรณ์ของจำเลยข้อ 2(ข) ที่ว่าโจทก์ยอมรับปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นแล้ว จึงเป็นอุทธรณ์คัดค้านในปัญหาข้อเท็จจริงและต้องห้ามอุทธรณ์ตามกฎหมายที่กล่าวมาแล้วแต่ตอนต้นเช่นเดียวกัน ที่ศาลอุทธรณ์รับปัญหาข้อนี้ไว้โดยเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา

พิพากษายกคำพิพากษาอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

Share