แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อตกลงตามหนังสือสัญญาจ้างมีว่า “กำหนดสัญญาว่าจ้างอย่างน้อยเป็นเวลา 3 ปี” นั้น สัญญาจ้างหาสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนด 3 ปีไม่ แต่ยังมีผลต่อไปจนกว่าจะมีการบอกเลิกสัญญา สัญญาจ้างดังกล่าวจึงมิใช่สัญญาที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอนอันจะเป็นเหตุให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเมื่อเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้น
เมื่อศาลแรงงานกลางพิพากษายกคำขอของโจทก์ในเรื่องสินจ้างแทนการบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้า โจทก์มิได้อุทธรณ์ เพียงแต่ขอมาในคำแก้อุทธรณ์ว่าขอให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าเป็นเงิน 30,000 บาทแก่โจทก์ ศาลฎีกาจะพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างดังกล่าวหาได้ไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาตามคำแก้อุทธรณ์ของโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้จ้างโจทก์เป็นพนักงานประจำตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๒ อัตราค่าจ้างเดือนละ ๓๐,๐๐๐ บาท กำหนดจ้างอย่างน้อยเป็นเวลา ๓ ปี ต่อมาวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๒๔ จำเลยได้บอกเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม และไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยตกลงจ่ายเงินค่าจ้างให้โจทก์ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๒๕ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างกรณีเลิกจ้างโดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาทและค่าชดเชย ๓ เดือน จำนวน ๙๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๒ จำนวนดังกล่าว
จำเลยให้การว่า จำเลยจ้างโจทก์มีกำหนดระยะเวลาการจ้างที่แน่นอนแต่โจทก์มิได้มีผลงานหรือความสามารถดังที่จำเลยคาดหวัง จำเลยจึงเลิกจ้างโดยบอกกล่าวให้โจทก์รู้ตัวล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๒๕ ให้การเลิกจ้างมีผลเมื่อครบกำหนดระยะเวลาจ้าง จำเลยได้จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์จนถึงวันครบสัญญารับไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากสัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยเป็นการจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า แต่อย่างไรก็ตามโจทก์ได้บอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์ทราบแล้วถึง ๕ เดือน จึงไม่มีความเสียหายที่โจทก์จะได้รับต่อไปอีก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ จำนวน๙๐,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๒๕ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การที่มีข้อตกลงตามหนังสือสัญญาจ้าง เอกสารหมาย จ.๒ ว่า กำหนดสัญญาว่าจ้างอย่างน้อยเป็นเวลา ๓ ปีนั้น สัญญาจ้างหาสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนด ๓ ปีไม่ แต่ยังมีผลต่อไปจนกว่าจะมีการบอกเลิกสัญญา สัญญาจ้างระหว่างโจทก์จำเลยจึงมิใช่สัญญาที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน อันจะเป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเมื่อเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ ๑๖เมษายน ๒๕๒๕ ข้อ ๔๖ วรรคสาม แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๖) ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๒๑ ข้อ ๒
ส่วนที่โจทก์ยื่นคำแก้อุทธรณ์ว่า จำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์โดยให้โจทก์หยุดงานทันที ถือว่าเป็นการเลิกจ้างโดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้าขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาทแก่โจทก์ด้วยนั้น เห็นว่าเมื่อศาลแรงงานกลางพิพากษายกคำขอของโจทก์ในเรื่องสินจ้างแทนการบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้า โจทก์มิได้อุทธรณ์ เพียงแต่ขอมาในคำแก้อุทธรณ์ดังกล่าว ศาลฎีกาจะพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าหาได้ไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาตามคำแก้อุทธรณ์ของโจทก์
พิพากษายืน