คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยจุดไฟเผาในคอกหญ้าเลี้ยงโคของจำเลยด้วยความประมาท ทำให้ไฟลุกลามเข้ามาในสวนยางพาราของโจทก์เสียหายนั้น เพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจได้ดีแล้วว่า สวนยางพาราของโจทก์ตั้งอยู่ใกล้คอกโคของจำเลยและโจทก์ ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์มีเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์หรือไม่ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจุดไฟเผาในคอกหญ้าเลี้ยงโคของจำเลยด้วยความประมาทมิได้ใช้ความระมัดระวังตรวจตราดูแลไฟในตอนที่แดดร้อนจัดสภาพดินมีความแห้งแล้ง ทำให้ไฟลุกลามเข้ามาในสวนยางพาราของโจทก์เป็นเหตุให้ต้นยางพารา พันธุ์ดีอายุประมาณ 6 ปี ของโจทก์ได้รับความเสียหาย จำนวน 90 ต้น โจทก์คิดค่าเสียหายต้นละ 300 บาท รวมเป็นค่าเสียหายจำนวน 27,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยจุดไฟเผาหญ้าในคอกโคเป็นเหตุให้ไฟไหม้ลุกลามสวนยางของโจทก์ โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ทราบว่า สวนยางพันธุ์ดีของโจทก์ที่ถูกไฟไหม้ตั้งอยู่ที่ไหนและโจทก์มีเอกสารหลักฐานหรือหนังสือสำคัญเกี่ยวกับที่ดินที่ถูกไฟไหม้ว่าเป็นของโจทก์หรือไม่ จำเลยไม่สามารถเข้าใจและต่อสู้คดีได้จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน จำนวน 9,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีประเด็นที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ในข้อนี้จำเลยฎีกาว่าโจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าจำเลยกระทำผิดโดยประมาท จุดไฟเผาหญ้าในคอกเลี้ยงโคของจำเลย เป็นเหตุให้ไฟลุกลามไหม้สวนยางพันธุ์ดีของโจทก์เสียหาย โดยมิได้บรรยายฟ้องให้ทราบว่าสวนยางของโจทก์ตั้งอยู่ที่ไหน และโจทก์มีเอกสารหลักฐานอะไรบ้างซึ่งแสดงให้เห็นว่าสวนยางพาราเป็นของโจทก์ เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวเพียงพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจได้ดีแล้วว่าสวนยางพาราของโจทก์ตั้งอยู่ใกล้คอกโคของจำเลย และโจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายฟ้องว่าโจทก์มีเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินของโจทก์หรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share