คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1468/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยเช่าช่วงห้องทำการค้า เสียค่าตกแต่งไป 100,000 บาทโดยทำตามแบบที่ผู้ให้เช่าเดิมกำหนด ไม่มีข้อตกลงกับโจทก์ผู้เช่าเดิมไม่เป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าเช่าธรรมดา โจทก์เลิกสัญญาแล้ว จำเลยไม่ส่งมอบห้องคืน ค่าเสียหายคือค่าเช่าที่โจทก์ควรได้รับในการเช่าห้องนั้น

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่าเดือนละ 10,000 บาท ให้โจทก์จดทะเบียนการเช่า 8 ปีให้จำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยออกจากห้องเช่า ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง 20,000 บาท กับค่าเสียหายต่อไปเดือนละ12,000 บาทกับดอกเบี้ย จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “จำเลยอ้างตนเองเบิกความว่าการเช่าจำเลยจะต้องจัดการตกแต่งอาคารพิพาทตามแบบที่ราชดำริอาเขตกำหนดโจทก์ว่าจะตกแต่งอะไรเป็นเรื่องของจำเลย ไม่มีการกำหนดวงเงินค่าก่อสร้างตกแต่งระหว่างจำเลยกับโจทก์ และจำเลยไม่ได้ส่งแบบแปลนก่อสร้างให้โจทก์ดูเลย ห้องอื่น ๆ เขาก็ตกแต่งเช่นกัน จำเลยทราบว่าโจทก์มีสิทธิการเช่ามาจากราชดำริอาเขต ดังนี้เห็นว่าเป็นกรณีที่โจทก์เป็นผู้เช่าอาคารพิพาท และให้จำเลยเช่าช่วงอีกทอดหนึ่งตามสภาพเดิมที่เช่ามา การตกแต่งต่อเติมอาคารพิพาทที่เช่าเป็นเรื่องที่จำเลยผู้เช่าช่วงทำตามแบบที่ผู้ให้เช่าเดิมกำหนด จะตกแต่งอะไรบ้างเป็นเรื่องของจำเลยผู้เช่าช่วง ไม่มีการตกลงกำหนดวงเงินค่าก่อสร้างตกแต่งต่อเติมกับโจทก์ผู้เช่าเดิมแต่ประการใด ฉะนั้นแม้จำเลยจะได้ลงทุนตกแต่งต่อเติมสิ้นเงินไปถึง 300,000 บาทเศษ ดังที่จำเลยนำสืบและฎีกามาเมื่อโจทก์มิได้ตกลงด้วย จึงไม่มีสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาระหว่างโจทก์จำเลย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหายให้จำเลยรับผิดเป็นค่าขาดประโยชน์ในอาคารพิพาทเดือนละ 12,000 บาทไม่ชอบด้วยข้อเท็จจริงนั้น เห็นว่า เมื่อสัญญาเลิกระงับลง จำเลยไม่ส่งมอบอาคารพิพาทคืนโจทก์จึงฟ้องให้ส่งคืนตามสภาพที่เป็นอยู่ และเรียกค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์เดือนละ 15,000 บาท จำเลยเบิกความรับว่าถ้าคนอื่นจะเช่าอาคารพิพาทโดยไม่ต้องเสียค่าตกแต่ง โจทก์คงได้ค่าเช่าเดือนละประมาณ 12,000 บาท ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์เดือนละ 12,000 บาทจึงชอบด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผลแล้ว”

พิพากษายืน

Share