แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเสมียนประจำแผนกศึกษาธิการอำเภอ มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับจ่ายเงินได้ยักยอกเงินค่าสมัครอบรมสอบวิชาชุดครูซึ่งแผนกศึกษาธิการอำเภอเรียกเก็บจากผู้สมัคร แต่หน้าที่รับสมัครและรับเงินดังกล่าวนี้ผู้ช่วยศึกษาธิการมีคำสั่งให้ ป. ครูช่วยราชการแผนกศึกษาธิการอำเภอเป็นผู้ทำ ป. ไปราชการณ.ครูช่วยราชการได้รับสมัครและรับเงินค่าสมัครไว้แทน ป. แล้วได้มอบเงินให้จำเลยเก็บรักษาไว้ การที่จำเลยรับเงินมาเก็บรักษาไว้นี้จึงมิใช่จัดการเก็บรักษาไว้ตามหน้าที่ราชการของจำเลย เมื่อจำเลยยักยอกไป จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เท่านั้น ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 147
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยรับราชการตำแหน่งเสมียนพนักงานประจำแผนกศึกษาธิการอำเภอวาปีปทุม สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่การเงินของแผนกศึกษาธิการอำเภอวาปีปทุมตั้งฎีกาเบิกเงินเดือนและเงินอื่น ๆ ของข้าราชการครูสังกัดแผนกศึกษาธิการอำเภอวาปีปทุม และครูสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดในท้องที่อำเภอวาปีปทุม กับได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จ่ายเงินเดือนและเงินอื่น ๆ ในนามศึกษาธิการอำเภอ อำเภอวาปีปทุม ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ได้กระทำผิดกฎหมายต่อเนื่องกันคือ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2512 จำเลยได้เซ็นรับเงินค่าสมัครอบรมสอบวิชาชุดครูของนายเหรียญนายเปลื้องนายประเทืองและนางชื่นจิต รวม 1,380 บาท ที่ได้ชำระไว้ต่อแผนกศึกษาธิการอำเภอวาปีปทุม เพื่อนำส่งที่ทำการศึกษาธิการจังหวัดมหาสารคาม เป็นผลประโยชน์ค่าธรรมเนียมการสอบไล่ แล้วเบียดบังเอาเป็นของตนโดยทุจริตไม่นำส่งตามหน้าที่ราชการ และต่อมาระหว่างวันที่ 21 พฤษภาคม 2512 ถึง20 มิถุนายน 2512 ได้เบียดบังยักยอกเงินเดือนของข้าราชการครูอำเภอวาปีปทุมไปเป็นเงิน 20,830 บาท ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 352, 353 ประมวลกฎหมายอาญาแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 13 กับให้คืนหรือใช้เงินที่ยักยอกไปด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย คดีฟังได้ว่าจำเลยเบียดบังยักยอกเงินค่าสมัครอบรมสอบวิชาชุดครู อ.ส.ข. จำนวน 1,380 บาท แต่ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทุจริตเบียดบังยักยอกเงินเดือนของข้าราชการครูจำนวน 20,830 บาท พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 352, 353 ประมวลกฎหมายอาญาแก้ไขเพิ่มเติม (พ.ศ. 2502) มาตรา 3 ให้ลงโทษตามมาตรา 147 และที่แก้ไขเพิ่มเติมซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามมาตรา 90จำคุก 5 ปี กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 1,380 บาทแก่แผนกศึกษาธิการอำเภอวาปีปทุม นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยรับราชการเป็นเสมียนประจำแผนกศึกษาธิการอำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน รับและจ่ายเงินทุกประเภทของแผนกศึกษาธิการอำเภอ ซึ่งมีเงินของครูประชาบาลสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด กับเงินของฝ่ายศึกษาธิการและเงินเบ็ดเตล็ดทุกประเภท ผู้ช่วยศึกษาธิการซึ่งรักษาการแทนศึกษาธิการอำเภอวาปีปทุม ได้มีคำสั่งให้นายประดิษฐ์ครูช่วยราชการแผนกศึกษาธิการอำเภอวาปีปทุมรับสมัครครูที่สมัครอบรมสอบวิชาชุดครู (อ.ส.ช.) และรับเงินค่าสมัคร ต่อมาในวันที่ 25 มิถุนายน 2512 จำเลยได้รับเงินค่าสมัครอบรมสอบวิชาชุดครูรวม1,380 บาทไว้จากนางสาวปราณีซึ่งทำหน้าที่แทนนายประดิษฐ์ซึ่งไปราชการไว้แล้วนำไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตนเสียทั้งหมด ไม่นำส่งคืนเป็นการเบียดบังยักยอกเงินจำนวนดังกล่าว แล้ววินิจฉัยว่า เงินค่าสมัครสอบวิชาชุดครูนี้ นายดีผู้ช่วยศึกษาธิการพยานโจทก์ว่าไม่ใช่เงินรายได้ของจังหวัดหรืออำเภอ ที่ทางแผนกศึกษาธิการจังหวัดจัดเก็บและรับเงินรายนี้ก็เพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่คุรุสภาซึ่งเป็นเงินตอบแทนแก่วิทยากรที่ทำการอบรมครูผู้สมัคร ถือได้ว่าเป็นเงินของทางการแผนกศึกษาธิการจัดเก็บไว้เป็นครั้งคราวตามความจำเป็น สุดแต่ทางราชการจะจัดให้มีการอบรมครูเพื่อสอบวิชาครูขึ้นเมื่อใด ก็จะได้ใช้จ่ายเงินรายนี้เป็นค่าตอบแทนแก่วิทยากรที่มาทำการอบรมครูผู้สมัคร ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีหน้าที่ตามระเบียบราชการในการจัดการเก็บรักษาเงินจำนวนนี้หน้าที่รับสมัครและเก็บเงินรายนี้เป็นของนายประดิษฐ์ซึ่งต้องเก็บรวบรวมส่งแก่นายดีผู้ช่วยศึกษาธิการอำเภอให้นำเก็บไว้ในกำปั่นทุกวัน การที่จำเลยรับเงินจำนวนนี้มาเก็บรักษาไว้จึงมิใช่การเก็บรักษาไว้ตามหน้าที่ราชการของจำเลยเมื่อจำเลยยักยอกเงินดังกล่าวไป จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และกรณีไม่เข้าตามมาตรา 353 ด้วย จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 352 ฐานยักยอกทรัพย์ตามธรรมดาเท่านั้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 ให้จำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์