แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แบบพิมพ์ถอนเงินออมสินซึ่งมีโจทก์ลงนามในฐานะเป็นเจ้าของบัญชีฝากเงินและลงนามเป็นผู้มอบฉันทะให้รับเงินแทนกับมีจำเลยลงนามเป็นผู้รับมอบฉันทะและลงนามเป็นผู้รับเงินนั้น มิได้มีเค้ามูลแสดงว่าเป็นการกู้ยืมแต่ประการใด ฉะนั้น จึงไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม จะนำพยานบุคคลสืบว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2511)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผู้เป็นพี่ชายของสามีโจทก์ได้ยืมเงินโจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท โดยโจทก์ได้ลงชื่อมอบฉันทะในแบบพิมพ์ถอนเงินจากธนาคารออมสินมอบให้จำเลยเป็นผู้รับเงิน ซึ่งจำเลยลงชื่อเป็นผู้ถอนเงินและเป็นผู้รับเงินในแบบพิมพ์ ทั้งโจทก์ได้มอบสมุดฝากเงินออมสินของโจทก์แก่จำเลย ต่อมาจำเลยถอนเงินจำนวน ๙,๘๐๐ บาทจากธนาคารดังกล่าวแล้วโจทก์ได้มอบเงินสดอีก ๒๐๐ บาท ให้จำเลยในวันเดียวกัน รวมเงินที่จำเลยรับไป ๑๐,๐๐๐ บาท กำหนดใช้เงินคืนภายใน ๕ วัน โดยมิได้ทำหลักฐานเป็นสัญญากู้เงินให้โจทก์ยึดถือแต่โจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยเป็นผู้ถอนเงินรับเงินตามใบมอบฉันทะจากธนาคารออมสิน ซึ่งโจทก์ถือว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามกฎหมาย โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระเงินเมื่อถึงกำหนด แต่จำเลยเพิกเฉยเสีย ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวน ๙,๘๐๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันผิดนัดจนถึงวันฟ้อง กับดอกเบี้ยต่อไปนับแต่วันรับฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้มอบฉันทะให้จำเลยไปถอนเงินจากธนาคารออมสินจำนวน ๙,๘๐๐ บาทจริง จำเลยถอนเงินแล้วได้มอบให้โจทก์รับไปในวันเดียวกัน จำเลยมิได้กู้เงินโจทก์ ใบมอบฉันทะให้ถอนเงินจากธนาคารออมสินไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาฟ้องกับคำให้การ เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้มีคำสั่งให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย แล้วพิพากษาว่า ใบมอบฉันทะให้จำเลยถอนเงินจากธนาคารออมสินแทนโจทก์ ไม่มีข้อความแสดงว่าจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ โจทก์จะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ว่า ใบมอบฉันทะถอนเงินดังกล่าวเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเมื่อข้อความยังไม่ชัด ก็ชอบที่จะให้โจทก์สืบพยานบุคคลอธิบายข้อความ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า หลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินนั้นไม่เคร่งครัดถึงกับต้องมีข้อความชัดว่าเป็นการกู้ยืมเงินเมื่อแบบพิมพ์ถอนเงินออมสินมีข้อความไม่ชัดว่าเป็นการมอบฉันทะให้รับเงินแทนหรือเป็นการกู้ยืมเงิน โจทก์จึงสืบพยานบุคคลอธิบายว่าเป็นการกู้ยืมเงินได้ ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกาขอให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ลงนามในแบบพิมพ์ถอนเงินออมสินในฐานะเป็นเจ้าของบัญชี (ฝากเงิน) และลงนามเป็นผู้มอบฉันทะ(ให้รับเงินแทน) ส่วนจำเลยลงนามเป็นผู้รับมอบฉันทะ และลงนามเป็นผู้รับเงิน (จากธนาคารออมสิน) เงินที่ถอนมีจำนวนตามฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อนี้โดยที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า เอกสารแบบพิมพ์ถอนเงินออมสินจะต้องพิจารณารวมกันตลอดทั้งฉบับ และเมื่ออ่านรวมกันทั้งฉบับก็ได้ความว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าของบัญชีออมสินได้ถอนเงินจากธนาคารออมสิน จำนวน ๙,๘๐๐ บาท โดยมอบฉันทะให้จำเลยเป็นผู้รับเงินแทน และจำเลยได้รับเงินจำนวนนั้นจากธนาคารออมสินแล้ว เป็นเรื่องการมอบอำนาจให้ผู้อื่นรับเงินแทนมีข้อความเป็นความหมายชัดแจ้ง นอกจากนั้น เอกสารแบบพิมพ์ถอนเงินออมสินก็มิได้มีเค้ามูลว่าเป็นการกู้ยืมแต่ประการใด ฉะนั้นจึงไม่เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๕๓ จะนำพยานบุคคลสืบว่าเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินหาได้ไม่
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น