แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกอีก 2 คน ใช้เส้นลวดกลมขนาด 1 หุน จำนวน 3 เส้นยาวเส้นละ 16 เมตร ทำเป็นเกลียวเส้นเดียว ขึงกั้นสะพานบนถนน โดยใช้เส้นลวดผูกติดกับราวสะพานทั้งสองข้างเป็นแนวเฉียง ดักรถที่ผ่านมาชนเพื่อเอาทรัพย์สิน ผู้เสียหายซึ่งมีเงินติดตัวมาด้วยกับพวกขับรถยนต์ผ่านมา และเห็นเส้นลวดดังกล่าวจึงหยุดรถได้ทันในระยะห่างราว 3 วา แล้วลงไปดูที่ใต้สะพานพบจำเลยถือปลายลวดข้างหนึ่งจึงจับตัวไว้ดังนี้ การกระทำของจำเลยกับพวกมิใช่เป็นขั้นตระเตรียม เป็นการลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอดถือได้ว่าจำเลยพยายามกระทำความผิดและเป็นการพยายามกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2519)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 2 คนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้บังอาจร่วมกันใช้เส้นลวดขนาดใหญ่ชนิดลวดกลม ขนาด 1 หุนจำนวน 3 เส้น ยาวเส้นละ 16 เมตร ทำเป็นเกลียวเป็นเส้นเดียวเป็นอาวุธขึงขวางกั้นระหว่างราวสะพานทั้งสองด้านบนถนนสายหนองจิก – ปัตตานี อันเป็นการกีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยและความสะดวกในการจราจร โดยไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายเพื่อดักรถยนต์ที่นายธวัช แก่นเพชร กับพวก กำลังขับเข้าสู่อำเภอเมืองปัตตานีให้แล่นชนเส้นลวดดังกล่าว รถจะได้เสียหลักแฉลบไปชนราวสะพาน จนเป็นเหตุให้นายธวัช แก่นเพชร กับพวก ได้รับอันตรายถึงบาดเจ็บ เพื่อทำการปล้นทรัพย์ เงินสด 3,400 บาท ของนายธวัช แก่นเพชร กับพวก โดยทุจริต ทั้งนี้ เพื่อให้ความสะดวกแก่การปล้นทรัพย์และการพาทรัพย์นั้นไป เพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้และเพื่อให้พ้นจากการจับกุม แต่กระทำไปไม่ตลอดเพราะนายธวัช แก่นเพชร กับพวก พบเห็นเส้นลวดดังกล่าวเสียก่อน และหยุดรถได้ทันในระยะห่างเส้นลวดนั้นประมาณ 1 วา จำเลยกับพวกจึงปล้นทรัพย์ไม่สำเร็จสมเจตนา พนักงานสอบสวนได้เส้นลวดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 340, 80, 385, 83 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 14 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นสืบพยานประกอบแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 ปรับ 500 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 250 บาท ถ้าไม่ชำระค่าปรับ จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้ยกฟ้องของโจทก์ในข้อหาพยายามปล้นทรัพย์และพยายามทำร้ายร่างกาย ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7), 80 จำคุก 4 ปี 8 เดือน ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 1 เดือน 10 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า คืนเกิดเหตุจำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวอีก 2 คนได้ใช้เส้นลวดกลมขนาด 1 หุน จำนวน 3 เส้น ยาวเส้นละ 16 เมตร ทำเป็นเกลียวเส้นเดียวขึงกั้นสะพานบนถนนหนองจิก – ปัตตานี โดยใช้เส้นลวดผูกติดกับราวสะพานทั้ง 2 ข้าง เป็นแนวเฉียงจากขวามาซ้าย ดักรถที่ผ่านมาชนเพื่อเอาทรัพย์สินเวลาประมาณ 20 นาฬิกา นายธวัช แก่นเพชร มีเงินติดตัวมาประมาณ 3,000 กว่าบาท กับพวกรวม 3 คน ได้ขับรถยนต์บรรทุก 6 ล้อขนาดเล็กจะไปอำเภอเมืองปัตตานี เห็นเส้นลวดดังกล่าวจึงหยุดรถได้ทันในระยะห่างราว 3 วา นายธวัช แก่นเพชร ได้ลงไปดูที่ใต้สะพาน พบจำเลยถือปลายลวดข้างหนึ่ง จึงจับตัวนำส่งพนักงานสอบสวน
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยกับพวกมิใช่เป็นเพียงขั้นตระเตรียม เป็นการลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอด ถือได้ว่าจำเลยพยายามกระทำความผิด และเป็นการพยายามกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์
พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 80 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ข้อ 14 จำคุก 8 ปี คำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี นอกจากที่แก้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์