คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 นั้น คู่ความฝ่ายใดจะร้องขอก็ได้ แต่จะต้องเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขอเพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พิพาทกันในคดีนั้น ได้รับความคุ้มครองไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษา
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์เรือน แม้จะปรากฏว่าโจทก์ให้บุคคลอื่นเช่าเรือนนั้นและได้ค่าเช่าเป็นประโยชน์ตอบแทนจำเลยก็จะร้องขอให้ศาลสั่งให้โจทก์หรือผู้เช่านำเงินค่าเช่ามาวางศาลหาได้ไม่ เพราะผลของคดีถ้าจำเลยเป็นฝ่ายชนะศาลก็จะพิพากษายกฟ้องของโจทก์ไปตามคำขอท้ายคำให้การจำเลยเท่านั้น ไม่มีผลบังคับไปถึงผลประโยชน์อันเป็นค่าเช่าตามที่จำเลยร้องขอคุ้มครองได้ เว้นไว้แต่จำเลยจะได้ฟ้องแย้งขอแสดงกรรมสิทธิ์เรือนและเรียกค่าเช่าหรือค่าเสียหายมาด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอแสดงกรรมสิทธิ์เรือน ๒ หลัง เลขที่ ๑๓๑/๑ และ ๑๓๑/๒ในที่ดินที่โจทก์เช่า และขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือนเลขที่ ๑๓๑/๑ซึ่งจำเลยเช่าจากโจทก์และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า อาคารสิ่งปลูกสร้างเป็นของจำเลย
ในระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องว่า เฉพาะบ้านเลขที่ ๑๓๑/๒โจทก์ได้ขอร้องให้ญาติของโจทก์พักอาศัยอยู่ชั่วคราว แต่ปรากฏจากสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับนางสาวเกษณีซึ่งโจทก์นำมาแสดงต่อศาลว่าได้มีการเช่าบ้านเลขที่ ๑๓๑/๒ ค่าเช่าเดือนละ ๖๐๐ บาท ซึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจสิทธิใด ๆ ที่จะให้เช่า เพราะเป็นบ้านของจำเลยทำให้จำเลยเสียหาย ขอให้ศาลสั่งให้โจทก์หรือผู้เช่านำเงินค่าเช่าตั้งแต่วันฟ้องและต่อไปทุก ๆ เดือนมาวางศาล
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๔ นั้น คู่ความฝ่ายใดในคดีนั้น ๆ จะร้องขอก็ได้ แต่จะต้องเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องขอเพื่อให้ทรัพย์สิน สิทธิหรือประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งที่พิพาทกันในคดีนั้นได้รับความคุ้มครองไว้ จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะบังคับคดีตามคำพิพากษา คดีนี้ โจทก์จำเลยพิพาทกันด้วยเรื่องกรรมสิทธิ์เรือน ๓ หลัง เฉพาะเรือนเลขที่ ๑๓๑/๒เป็นเรือนหลังหนึ่งในจำนวน ๓ หลัง ที่โต้เถียงกรรมสิทธิ์กัน ผลของคดีถ้าจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดี ศาลก็ย่อมจะพิพากษายกฟ้องของโจทก์ไปตามคำขอท้ายคำให้การของจำเลยเท่านั้นไม่มีผลบังคับไปถึงผลประโยชน์อันเป็นค่าเช่าตามที่จำเลยร้องขอคุ้มครองได้ เว้นไว้แต่จำเลยจะได้ฟ้องแย้งขอแสดงกรรมสิทธิ์เรือนและเรียกค่าเช่าหรือค่าเสียหายมาด้วย ฎีกาของจำเลยก็ยอมรับว่า โจทก์ฟ้องเพียงขอแสดงกรรมสิทธิ์ แม้ว่าจำเลยจะได้ทราบถึงเหตุที่โจทก์นำเรือนเลขที่ ๑๓๑/๒ ไปให้เช่าภายหลัง ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะสั่งให้ตามคำร้องขอของจำเลยได้
จำเลยฎีกาว่า ถ้าเรื่องพิพาทเป็นของโจทก์จริงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่า ในประเด็นข้อนี้เป็นเรื่องในชั้นพิจารณาและจำเลยเพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกา จึงไม่วินิจฉัยให้ ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share