แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำอุบายขอน้ำดื่มจากเจ้าของร้านรับฝากรถจักรยาน เมื่อเขาเผลอก็ลอบหยิบบัตรคู่หนึ่งของเจ้าของร้านแล้วเอาบัตรนั้นใบหนึ่งไปแขวนไว้ที่รถจักรยานโดยเอาบัตรเลขอื่นที่แขวนอยู่เดิมออกเสีย แล้วต่อมาก็เอาบัตรคู่กันอีกใบหนึ่งมาขอรับรถจักรยาน เขาไม่ยอมให้เพราะเห็นว่าไม่ใช่ผู้ฝากรถ ก็กล่าวเท็จแสดงว่าเพื่อนให้เอาบัตรมารับรถเพราะเปลี่ยนรถกันขี่เขาจึงยอมให้รถไป ดังนี้ เป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย มิใช่ฉ้อโกง.
ย่อยาว
ข้อเท็จจริงได้ความว่าในงานฉลองเปิดป้ายโรงเรียน นายตาและหุ้นส่วนอีก ๒ คน ตั้งร้านรับจ้างฝากรถจักรยาน จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งมาเดินรอบ ๆ ร้านอยู่หลายรอบ แล้วเข้ามาขอน้ำดื่ม ขณะที่เจ้าของร้านไปจัดหาน้ำมาให้ดื่มนี้เอง จำเลยถือโอกาสลักเอาบัตรเลขที่ ๒๙๐ ซึ่งวางไว้เป็นคู่ ๆ ในกล่อง บนโต๊ะไปแล้วเอาบัตรเลขที่ ๒๔๕ ซึ่งแขวนอยู่ที่รถจักรยานคันหนึ่งออก เอาบัตร เลขที่ ๒๙๐ แขวนไว้แทน แล้วออกจากร้านไป ต่อมาอีก ๑๕ นาที จำเลยย้อนกลับมาที่ร้านรับฝากรถดังกล่าวแล้ว นำคู่บัตรเลขที่ ๒๙๐ มาแสดงเพื่อขอรับรถ นายตาผู้รับฝากจำได้ว่าจำเลยไม่ได้ฝากรถไว้ จึงไม่ยอมให้ แต่จำเลยพูดว่าเพื่อนให้เอาบัตรมาขึ้นรถ เปลี่ยนรถกันขี่ นายตาจึงยอมมอบรถของเจ้าทรัพย์คันที่มีบัตรเลยที่ ๒๙๐ แขวนอยู่ให้จำเลยไป ครั้นต่อมาเมื่อเจ้าทรัพย์นำบัตรเลขที่ ๒๔๕ มาขอรับรถ ความจึงปรากฏขึ้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕
ศาลจังหวัดลำพูนวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่ใช่ฉ้อโกง แม้จะมีการนำความเท็จมากล่าวเพื่อให้ส่งรถของเจ้าทรัพย์ให้ แต่จำเลยมีเถบยจิตเป็นโจรมาแต่แรก คือ เอาบัตรมาเปลี่ยนที่ตัวรถแล้วถือบัตรมายันกับบัตรที่รถในภายหลัง คำพูดของจำเลยตอนหลังเป็นเพียงประกอบอุบายให้ได้ลักรถไปซึ่งหน้าเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือ จำเลยได้เข้ายึดถือเอารถของเจ้าทรัพย์โดยพลการตั้งแต่เอาบัตรเลขที่ ๒๙๐ ไปเปลี่ยนแขวนไว้ที่รถคันนั้นแล้ว มีความผิดฐานลักทรัพย์ เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๘๔/๒๔๙๑ พิพากษาลงโทษจำเลยตามตรา ๓๓๕ (๗)
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ตามนับคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๐๔/๒๔๙๙ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นขั้น ๆ ตามลำดับมานั้นเป็นวิธีการในการลักรถ การกล่าวเท็จของจำเลยต่อผู้รับฝากรถเป็นอุบายประกอบส่วนหนึ่งในอันจะให้การลักทรัพย์ที่ได้กระทำมาแล้วเป็นขั้น ๆ นั้น เป็นผลสำเร็จพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาชั้นต้น