คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะนำรถยนต์กระบะบรรทุกส่วนบุคคลมาประกอบการขนส่งไม่ประจำทางเรียกเก็บเงินเพื่อสินจ้าง แต่โจทก์มิได้นำสืบว่ารถคันดังกล่าวมีน้ำหนักรถเท่าใด จึงฟังไม่ได้ว่ารถยนต์ส่วนบุคคลคันที่จำเลยขับเป็นรถที่มีน้ำหนักเกินกว่าหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัมรถคันดังกล่าวจึงเป็นรถที่ไม่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 การกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 23 ประกอบมาตรา 126.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๓, ๑๒๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๓, ๑๓๖ ปรับ ๒๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๕ ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๓ มาตรา ๙ บัญญัติว่า “พระราชบัญญัตินี้มีให้ใช้บังคับแก่
(๑) การขนส่งโดยรถยนต์ทหารตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทหาร
(๒) การขนส่งโดยรถยนต์รับจ้างที่บรรทุกผู้โดยสารไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัดที่บรรทุกผู้โดยสารไม่เกินเจ็ดตน รถยนต์บริการที่บรรทุกผู้โดยสารไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินสิบสองคน รถยนต์ส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักรถไม่เกินหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม รถยนต์สามล้อ รถจักรยานยนต์ และรถแทร็กเตอร์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
(๓) การขนส่งตามที่กำหนดในกฎกระทรวง”
ข้อเท็จจริงได้ความว่า รถยนต์คันที่จำเลยขับหมายเลขทะเบียน น-๓๕๙๓ นครพนม ตามภาพถ่ายหมาย จ.๖ เป็นรถยนต์กระบะบรรทุกยี่ห้อนิสสันดีเซล แต่โจทก์มิได้นำสืบว่ารถคันดังกล่าวมีน้ำหนักรถเท่าใด จึงฟังไม่ได้ว่ามีน้ำหนักรถเกินกว่าหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม อันจะเป็นความผิดดังโจทก์ฟ้อง ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่ารถยนต์ส่วนบุคคลคันที่จำเลยขับเป็นรถที่มีน้ำหนักเกินกว่าหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม รถคันดังกล่าวจึงเป็นรถที่ไม่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ แม้จำเลยจะนำรถคันดังกล่าวมาประกอบการขนส่งไม่ประจำทางเรียกเก็บเงินเพื่อสินจ้างก็ตาม การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๓ ประกอบด้วยมาตรา ๑๒๖
พิพากษายืน

Share