แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมอาคารมีใจความว่าจำเลยได้จดทะเบียนจำนองบ้านและที่ดินพิพาทไว้แก่ธนาคารคงมีหนี้ค้างชำระอยู่302,000บาทผู้ร้องยอมเป็นผู้ชำระเองเมื่อผู้ร้องชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ธนาคารครบแล้วจำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ร้องต่อไปแสดงว่าผู้ร้องกับจำเลยไม่มีเจตนาที่จะโอนกรรมสิทธิ์ในบ้านและสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทในทันที่แต่จะโอนกันเมื่อผู้ร้องได้ชำระหนี้จำนองของจำเลยแก่ธนาคารครบถ้วนแล้วสัญญาดังกล่าวเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขายการครอบครองบ้านและที่ดินของผู้ร้องเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของจำเลยเท่านั้นกรรมสิทธิ์ในบ้านและสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทจึงยังเป็นของจำเลยอยู่หาได้ตกเป็นของผู้ร้องไม่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิยึดบ้านและที่ดินพิพาทได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน 34,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมต่อมาจำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ขอให้บังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 2266 หมู่ที่ 6 ตำบลทุ่งตะไคร อำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพร ซึ่งมีบ้านสองชั้นเลขที่ 10493 ปลูกอยู่บนที่ดินแปลงดังกล่าว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ที่ดินและบ้านที่โจทก์นำยึดนั้นเป็นของผู้ร้องซึ่งซื้อมาจากจำเลยขอให้ปล่อยที่ยึด
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยได้ตกลงขายบ้านและที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้องตามสัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมอาคารเอกสารหมาย ร.1 และ ร.2 ผู้ร้องเข้าครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทกับชำระหนี้จำนองให้แก่ธนาคารกสิกรไทย สาขาชุมพร ไปแล้วเป็นจำนวนเงิน 122,740 บาท ต่อมาโจทก์ได้ยึดบ้านและที่ดินพิพาทเพื่อบังคับคดีชำระหนี้โจทก์ปัญหาตามที่ผู้ร้องฎีกามีว่า โจทก์จะยึดบ้านและที่ดินพิพาทได้หรือไม่ เห็นว่า ตามสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมอาคารตามเอกสารหมาย ร.1 และ ร.2 มีใจความสำคัญว่า จำเลยได้จดทะเบียนจำนองบ้านและที่ดินพิพาทไว้แก่ธนาคารกสิกรไทยสาขาชุมพร คงมีหนี้ค้างชำระอยู่ 320,000 บาท ผู้ร้องยอมเป็นผู้ชำระเอง เมื่อผู้ร้องชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ธนาคารครบแล้วจำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ร้องต่อไป แสดงว่าผู้ร้องกับจำเลยไม่มีเจตนาที่จะโอนกรรมสิทธิ์ในบ้านและสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทในทันที แต่จะโอนกันเมื่อผู้ร้องได้ชำระหนี้จำนองของจำเลยแก่ธนาคารกสิกรไทย สาขาชุมพร ครบถ้วนแล้ว สัญญาดังกล่าวเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย การครอบครองบ้านและที่ดินของผู้ร้องเป็นการครอบครองโดยอาศัยสิทธิของจำเลยเท่านั้น กรรมสิทธิ์ในบ้านและสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทจึงยังเป็นของจำเลยอยู่หาได้ตกเป็นของผู้ร้องไม่ โจทก์ย่อมมีสิทธิยึดบ้านและที่ดินพิพาทได้ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกคำร้องของผู้ร้องต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ศาลฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน