คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 146/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่ได้รับที่ดินตามคำตัดสินของข้าหลวงพิเศษจัดแบ่งที่ดินซึ่งยังไม่ได้รับหนังสือสำหรับที่ดิน ไม่มีสิทธิดีกว่าผู้มีสิทธิครอบครองเหนือที่ดินแปลงนั้น
เพียงแต่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรับรองว่า จะไปทำความตกลงซื้อจากจำเลยซึ่งเป็นผู้ได้ที่ดินจากการจัดแบ่งของข้าหลวงพิเศษเดิมนั้น ยังถือไม่ได้ว่า โจทก์ได้สละสิทธิครอบครองเป็นแต่เพียงแสดงเจตนาที่จะหาทางปรองดองเท่านั้น

ย่อยาว

คดีได้ความว่า ข้าหลวงพิเศษจัดแบ่งที่ดินให้จำเลย 10 ไร่เมื่อ พ.ศ. 2478 ต่อมา พ.ศ. 2483 เจ้าพนักงานจึงออกไปรังวัดเขตที่ให้จำเลย แต่ที่แห่งนี้โจทก์ครอบครองทำนาอยู่ก่อนแล้วจึงร้องคัดค้านขึ้น เจ้าพนักงานแนะนำให้โจทก์ไปร้องคัดค้านต่อกองหนังสือสำคัญ โจทก์ก็มิได้ไปร้องคัดค้านในกำหนดครั้นเจ้าพนักงานเรียกโจทก์มาสอบถามและสั่งให้ฟ้อง โจทก์จึงมาฟ้องขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิ์ จำเลยให้การรับว่า โจทก์ได้ครอบครองที่แปลงนี้มากว่า 10 ปีจริงแต่ข้าหลวงพิเศษจัดแบ่งที่ดินนี้ให้จำเลยแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิดีกว่า

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้โจทก์ชนะคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทจะอยู่ในเขตตามพระราชกฤษฎีกาหรือไม่ก็ตาม เมื่อปรากฏว่า โจทก์ได้ครอบครองโดยเปิดเผยกว่า 10 ปีแล้ว ก็ย่อมได้สิทธิครอบครองดีกว่าผู้อื่น การที่โจทก์ไม่ไปร้องคัดค้านตามที่รับรองไว้กับเจ้าพนักงาน หามีเหตุผลกระทบกระเทือนถึงการครอบครองที่พิพาทไม่ เพราะโจทก์ไม่ได้ละทิ้ง ส่วนข้อที่โจทก์รับรองว่าจะไปทำความตกลงซื้อจากจำเลยนั้น ก็ไม่มีผลที่จะแสดงให้เห็นว่า โจทก์ไม่มีเจตนาครอบครองไว้เพื่อตน เป็นแต่เพียงการแสดงเจตนาในการที่จะหาทางทำความปรองดองกับจำเลยเท่านั้นคดีจำเลยไม่มีทางชนะ ศาลฎีกาคงพิพากษายืน

Share