แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะจำเลยที่ 1 ทำสัญญารับช่วงสัญญาเช่าซื้อต่อจากสามาซึ่งถึงแก่กรรมนั้น มีค่าเช่าซื้อที่ค้างส่งอยู่แล้วรวม 10 งวด การที่โจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามสัญญาต่อไป เห็นได้ว่าโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะบอกเลิกสัญญา เพราะเหตุผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ 10 งวดนั้นแล้ว เมื่อจำเลยที่ 1 ทำสัญญารับช่วงสัญญาเช่าซื้อแล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้ออีกเพียง 1 งวด จึงไม่ใช่เป็นการผิดนักชำระค่าเช่าซื้อสองคราวติดกัน โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและกลับเข้าครองทรัพย์สินนั้นพร้อมกับเรียกค่าใช้ทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 574 และมาตรา 391 วรรคสาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๑๒ นายฟักสามีจำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเช่าซื้อรถแทรกเตอร์ ๑ คัน ราคา ๙๔,๖๐๐ บาท ของโจทก์ ชำระเงินในวันทำสัญญา ๒๕,๐๐๐ บาท ที่เหลือแบ่งชำระเป็นงวด งวดละเดือน ครบกำหนดงวดสุดท้ายวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๔ โดยจำเลยที่ ๓ เป็นผู้ทำสัญญาค้ำประกันการเช่าซื้อ นายฟักชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์เพียง ๖ งวด เป็นเงิน ๑๗,๔๐๐ บาท แล้วไม่ชำระอีกจนกระทั้งนายฟักถึงแก่กรรม จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญารับช่วงการเช่าซื้อกับโจทก์ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๑๓ โดยจำเลยที่ ๑ ตกลงรับผิดชดใช้หนี้ที่เกิดเนื่องแต่สัญญาเช่าซื้อ นับแต่นายฟักสามีเช่าซื้อไป จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ทำสัญญาเป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ ๑ ไม่ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและเอารถแทรกเตอร์คืนไป นายฟักและจำเลยที่ ๑ ครอบครองใช้รถแทรกเตอร์ของโจทก์ ๑๑ เดือน ทำให้โจทก์ขาดประโยชน์เดือนละ ๕,๐๐๐ บาท เป็นเงิน ๕๕,๐๐๐ บาท รถแทรกเตอร์ที่โจทก์รับคืนมาได้รับความเสียหายมากเป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากการใช้รถโดยชอบร่วมอยู่ด้วยเป็นเงิน ๑๔,๑๓๑ บาท โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยรวมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน ๖๙,๑๓๑ บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ และที่ ๔ ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่เคยค้างชำระค่าเช่าซื้อ นับแต่จำเลยที่ ๑ รับช่วงการเช่าซื้อมารถแทรกเตอร์ของโจทก์เสียใช้การไม่ได้ จำเลยที่ ๑ ขอซื้อเครื่องอะไหล่จากโจทก์ โจทก์ให้รอที่สั่งจากต่างประเทศและระหว่างนั้นมอบให้จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อ แต่เมื่อจำเลยที่ ๑ ได้เครื่องอะไหล่และซ่อมเสร็จแล้ว โจทก์ยึดเอารถแทรกเตอร์คืนไป จำเลยที่ ๓ ค้ำประกันนายฟักเท่านั้น เมื่อเปลี่ยนเป็นจำเลยที่ ๑ เป็นผู้เช่าซื้อ สัญญาค้ำประกันเติมเป็นอันยกเลิก จำเลยที่ ๓ ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ในฐานะตัวแทนและในฐานะกรรมการของบริษัทจำเลยที่ ๒ ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ มิได้กระทำโดยส่วนตัว จำเลยที่ ๓ จึงไม่ต้องรับผิดในฐานะส่วนตัว เมื่อโจทก์ยอมให้ยุติการชำระเงินค่างวดยอมผ่อนเวลาให้จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ไม่ได้ตกลงด้วย จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ จึงพ้นความรับผิด โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายและค่าขาดประโยชน์ ค่าขาดประโยชน์ของโจทก์ต้องไม่เกินค่าเช่าซื้อแต่ละงวดเ และหากเสียหายก็ไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท โจทก์ได้รับรถแทรกเตอร์คืนไปในสภาพที่ซ่อมดีแล้ว หากโจทก์จะซ่อมก็ไม่เกิน ๕๐๐ บาท ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและขาดอายุความ โจทก์มิได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ทราบก่อนฟ้อง จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยที่ ๑ ทำสัญญารับช่วงสัญญาเช่าซื้อจากนายฟักสามี แล้วไม่ได้ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์เลยบริษัทจำเลยที่ ๒ เท่านั้นเป็นผู้ค้ำประกัน โจทก์ควรได้รับค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถแทรกเตอร์เดือนละ ๑,๐๐๐ บาท รวม ๑๑ เดือน เป็นเงิน ๑๑,๐๐๐ บาท ค่าซ่อมรถเพราะการใช้รถนอกเหนือไปจากการใช้รถโดยชอบ ๑๐,๒๘๘ บาท รวมเป็นเงิน ๒๑,๒๘๘ บาท พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหาย ๒๑,๒๘๘ บาทพร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ถ้าบังคับจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ ให้จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้ค้ำประกันชำระแทน ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ และที่ ๔
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะจำเลยที่ ๑ ทำสัญญารับช่วงสัญญาเช่าซื้อต่อจากนายฟักนั้น มีค่าเช่าซื้อที่ค้างส่งอยู่แล้วรวม ๑๐ งวด การที่โจทก์ตกลงให้จำเลยที่ ๑ ปฏิบัติตามสัญญาต่อไป เห็นได้ว่าโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะบอกเลิกสัญญา เพราะเหตุผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ ๑๐ งวด นั้นแล้ว ฉะนั้น นับแต่จำเลยที่ ๑ ทำสัญญารับช่วงสัญญาเช่าซื้อแล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้ออีกเพียง ๑ งวด จึงมิใช่เป็นการผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อสองคราวติดกัน โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาและกลับเข้าครอบครองรถแทรกเตอร์ พร้อมกับเรียกค่าใช้ทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา๕๗๔ และ ๓๙๑ วรรคสาม
เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา โจทก์และจำเลยที่ ๑ คงผูกพันกันอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งข้อ ๓ ระบุว่าหากรถแทรกเตอร์เกิดชำรุดเสียหายและครื่องยนต์ใช้ไม่ได้ด้วยประการหนึ่งประการใด ผู้ให้เช่าซื้อจะเป็นผู้ซ่อมแซมแก้ไขให้โดยผู้เช่าซื้อต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งสิ้น ฉะนั้น เมื่อตามคำฟ้องปรากฏว่าโจทก์มิได้จัดการซ่อมแซมและมิได้เรียกค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมตามสัญญาจำเลยที่ ๑ จึงยังไม่ต้องรับผิด ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ในฐานะผู้ค้ำประกันรับผิดตามฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ และที่๒ ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์