คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปในสำนักงานค้าประเวณีขณะเปิดทำการค้าประเวณีอยู่ ได้ประกาศตนเป็นตำรวจและจับหญิงโสเภณีไปจากสถานค้าประเวณี แล้วมอบหญิงดังกล่าวให้พวกของตนไป โดยมิได้นำมาดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ย่อมเกิดความเสียหายแก่ราชการตำรวจ และถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๔ ที่ ๕ กับพวกร่วมกันกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการตำรวจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗, ๘๓, ๘๖ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๑๓
จำเลยทั้ง ๕ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยทั้ง ๕ คนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๑๓ สำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ มึความผิดประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ อีกด้วย ให้จำคุกจำเลยที่ ๔ ที่ ๕ คนละ ๑ ปี ๖ เดือน จำคุกจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ คนละ ๑ ปี ลด ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๔ ที่ ๕ คนละ ๑ ปี จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ คนละ ๘ เดือน
จำเลยที่ ๔ ที่ ๕ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ ๔ ที่ ๕ ซึ่งเป็นพลตำรวจร่วมกับพวกเข้าไปในบ้านนางทรัพย์เจ้าสำนักค้าประเวณี ขณะเปิดทำการค้าประเวณีอยู่ อันเป็นความผิดซึ่งหน้า ประกาศตนเป็นตำรวจจะทำการจับกุมผู้กระทำผิดในที่นั้น ได้จับหญิงโสเภณี ๕ คนออกไปจากบ้าน แล้วมอบให้จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นพวกของตนไปเสียโดยไม่ทำการจับกุมอย่างจริงจัง มิได้นำมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ถือว่าเป็นการละเว้นไม่จับกุม เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกิดความเสียหายแก่ราชการตำรวจ
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลยที่ ๔ ที่ ๕ เสีย

Share