แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำร้องบรรยายว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนในจังหวัดเชียงรายซึ่งผู้ร้องมิได้รับเลือกตั้ง ได้มีการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายทั้งด้านเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งและกรรมการเลือกตั้งทุกหน่วย และบรรยายการกระทำที่มิชอบว่ากรรมการตรวจนับคะแนนไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ร้อง โดยนับบัตรที่มีแต่เลขไทยอย่างเดียวของผู้ร้องให้เป็นบัตรเสีย แต่ของผู้สมัครอื่นนับให้เป็นบัตรดี ย่อมหมายความว่าได้กระทำดังนี้ทุกหน่วย แม้จะมิได้บรรยายว่าการนับบัตรชนิดเดียวกันนี้ให้เป็นบัตรดีบัตรเสีย มีจำนวนโดยประมาณเท่าใด ก็เพราะได้กระทำทุกหน่วยตามที่ผู้ร้องอ้าง ซึ่งยากที่รู้จำนวนโดยประมาณได้จึงไม่เคลือบคลุม
คำร้องบรรยายว่า คะแนนที่ทางราชการประกาศกับคะแนนตามบัญชีในแบบ ผท.18 ชุดที่อยู่ในหีบบัตรเลือกตั้งไม่ตรงกัน การนับคะแนนไม่ตรงต่อความจริง ทำให้ผลการรวมคะแนนของผู้ร้องผิดพลาด เป็นคำร้องที่เคลือบคลุม เพราะมิได้บรรยายว่า คะแนนที่ทางราชการประกาศกับคะแนนในบัญชีผท.18 ไม่ตรงกันอย่างไร การนับคะแนนไม่ตรงต่อความจริงอย่างไร และทำให้ผลการรวมคะแนนผิดพลาดอย่างไร ซึ่งอาจผิดพลาดในทางที่ทำให้ผู้ร้องได้คะแนนมากขึ้นหรือน้อยลง คำร้องที่ไม่แสดงข้อเท็จจริงในทางเดียว ย่อมเคลือบคลุม (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14-15/2512)
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องและขอแก้ไขความว่า เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์2512 ได้มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ จังหวัดเชียงรายผู้สมัครรับเลือกตั้ง 40 คนรวมทั้งผู้ร้องด้วย ผลการเลือกตั้งมีผู้ได้รับเลือก 7 คน ผู้ร้องไม่ได้รับเลือก การเลือกตั้งดังกล่าวได้มีการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายทั้งด้านเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งและกรรมการเลือกตั้งทุกหน่วย รวม 6 ข้อ ขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนในจังหวัดเชียงรายเป็นไปโดยมิชอบ แล้วให้มีการเลือกตั้งใหม่เพราะเป็นการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ. 2511 มาตรา 58, 62
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและผู้ได้รับเลือกตั้งทั้ง 7 คนยื่นคำร้องคัดค้านปฏิเสธข้อหาตามคำร้อง และต่อสู้ว่า คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม
ก่อนวันนัดไต่สวน นายไพบูลย์ แดงสนั่น ผู้ร้องที่ 5 ขอถอนคำร้อง ศาลชั้นต้นอนุญาต
วันนัดไต่สวน ผู้ร้องแถลงว่าคงติดใจขอให้ศาลวินิจฉัยคำร้องของผู้ร้องข้อ 1(2) และ (3) เท่านั้น โดยจะอ้างพยานเอกสารและพยานวัตถุ เพื่อให้ศาลตรวจดู และไม่ติดใจสืบพยานบุคคล
ศาลชั้นต้น ทำการไต่สวนแล้วทำความเห็นส่งศาลฎีกาว่า คำร้องข้อ 1(2) และ (3) ของผู้ร้องเคลือบคลุม ควรยกคำร้อง
คำร้องข้อ 1(2) มีว่า “กรรมการตรวจนับคะแนนไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ร้อง โดยนับคะแนนเลขดีของผู้ร้องให้เป็นเลขเสีย เช่นบัตรที่มีเลขไทยแต่อย่างเดียวของผู้ร้อง กรรมการนับให้เป็นบัตรเสียแต่ของผู้สมัครหมายเลขอื่นเป็นหมายเลขดี เป็นต้น”
คำร้องข้อ 1(3) มีว่า “คะแนนที่ทางราชการประกาศกับคะแนนตามบัญชีในแบบ ผท.18 ชุดที่อยู่ในหีบบัตรเลือกตั้งไม่ตรงกัน การนับคะแนนไม่ตรงต่อความจริง จึงทำให้ผลการรวมคะแนนของผู้ร้องผิดพลาด”
มีปัญหาว่า คำร้องทั้ง 2 ข้อดังกล่าวเคลือบคลุมหรือไม่
ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องตอนแรกได้อ้างอยู่แล้วว่า การเลือกตั้งผู้แทนราษฎรในจังหวัดเชียงรายซึ่งมีผู้สมัคร 40 คนและได้รับเลือกตั้ง 7 คนโดยผู้ร้องมิได้รับเลือกตั้งนั้นได้มีการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายทั้งด้านเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้งและกรรมการเลือกตั้งทุกหน่วย และได้บรรยายการกระทำที่มิชอบไว้ในคำร้องดังกล่าวแล้ว โดยมีคำขอบังคับให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ. 2511 มาตรา 58 ซึ่งเป็นบทบัญญัติว่าด้วยเรื่องบัตรเลือกตั้งชนิดใดเป็นบัตรเสีย ตามคำร้องข้อ 1(2) บรรยายว่า กรรมการตรวจนับคะแนนไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ร้อง โดยนับบัตรที่มีแต่เลขไทยอย่างเดียวของผู้ร้องให้เป็นบัตรเสีย แต่ของผู้สมัครคนอื่นนับให้เป็นบัตรดี ซึ่งหมายความว่า ได้กระทำดังนี้ทุกหน่วยเลือกตั้งตามคำร้องตอนแรก แม้จะมิได้บรรยายว่าการนับบัตรชนิดเดียวกันนี้ให้เป็นบัตรดี บัตรเสียมีจำนวนโดยประมาณเท่าใด ก็เพราะได้กระทำทุกหน่วยตามที่ผู้ร้องอ้าง ซึ่งเป็นการยากที่จะรู้จำนวนโดยประมาณได้ ข้อเท็จจริงไม่เหมือนกรณีตามคำสั่งศาลฎีกาที่ 717/2489 คำร้องข้อนี้จึงเพียงพอที่จะถือได้ว่าไม่เคลือบคลุม
ส่วนคำร้องข้อ 1(3) ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเคลือบคลุม ไม่ชอบจะรับไว้พิจารณา เพราะมิได้บรรยายว่า คะแนนที่ทางราชการประกาศกับคะแนนในบัญชี ผท.18 ไม่ตรงกันอย่างไร ที่ว่าการนับคะแนนไม่ตรงต่อความจริง ก็มิได้บรรยายว่า ความจริงและไม่จริงอย่างไรที่ว่าทำให้ผลการรวมคะแนนผิดพลาด ก็มิได้บรรยายว่าผิดพลาดอย่างไร และการรวมคะแนนของผู้ร้องผิดพลาดนั้น อาจผิดพลาดในทางที่ทำให้คะแนนของผู้ร้องดีขึ้นมากขึ้นหรือน้อยลงก็ได้ทั้งสองทางคำร้องที่ไม่แสดงข้อเท็จจริงในทางเดียวต้องถือว่าเคลือบคลุม
จึงมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาตามคำร้องข้อ 1(2)จนเสร็จสิ้น แล้วทำความเห็นส่งสำนวนไปศาลฎีกา ส่วนคำร้องข้อ 1(3) ให้ยก