คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การกระทำความผิดอาญาในคดีก่อนเป็นคนละตอนกับการกระทำความผิดคดีนี้ เมทแอมเฟตามีนก็เป็นคนละจำนวนกัน จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ โจทก์จึงมีอำนาจแยกฟ้องเป็นคนละคดีได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2543 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 56,000 เม็ด น้ำหนัก 5,206.230 กรัม คำนวณเป็นน้ำหนักสารบริสุทธิ์ได้ 898.708 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15 , 66, 102, ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบของกลาง และนับโทษของจำเลยทั้งสองต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 81/2544 ของศาลชั้นต้น และนับโทษของจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 574/2543 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (ที่ถูกมาตรา 15 วรรคสอง), 66 วรรคสอง, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ให้ลงโทษประหารชีวิต จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 (2) ริบของกลาง ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อไม่ปรากฏคดีอาญาหมายเลขดำที่ 81/2544 ของศาลชั้นต้น ศาลได้มีคำพิพากษาแล้วจึงไม่อาจนับโทษจำเลยทั้งสองต่อได้ ยกคำขอในส่วนนี้ แต่คดีอาญาหมายเลขดำที่ 574/2543 ของศาลชั้นต้น ศาลได้มีคำพิพากษาแล้วจึงให้นับโทษจำเลยที่ 1 คดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 574/2543 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 307/2544 ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
จำเลยที่ 2 ไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต จำเลยที่ 2 ไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน คดีในส่วนของจำเลยที่ 2 จึงถึงที่สุดแล้ว คงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ประการแรกว่า ศาลชั้นต้นกำหนดโทษและลดโทษชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสอง กฎหมายกำหนดโทษสูงสุดคือประหารชีวิต ซึ่งเมื่อศาลชั้นต้นวางโทษแก่จำเลยทั้งสองสูงสุดคือประหารชีวิต แล้วลดโทษกึ่งหนึ่งคงให้จำคุกตลอดชีวิต จึงเป็นการใช้ดุลพินิจลงโทษที่มิได้ขัดต่อพระราชบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 (2) แต่ประการใด ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า การกระทำผิดในคดีนี้ซ้ำกับการกระทำความผิดในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 474/2545 ของศาลชั้นต้น เห็นว่า การกระทำความผิดในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 474/2545 พฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเป็นคนละตอนกับการกระทำความผิดในคดีนี้ เมทแอมเฟตามีนเป็นคนละจำนวนกัน จึงเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน โจทก์จึงมีอำนาจแยกฟ้องเป็นคนละคดี ไม่เป็นฟ้องซ้ำ และไม่มีผลกระทบถึงสิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องคดีนี้ ศาลอุทธรณ์ ภาค 8 พิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share