คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ขอเลื่อนคดีครั้งแรกโดยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ ต่อมาในวันนัดสืบพยานครั้งที่สอง ตัวโจทก์มาศาลแต่พยานโจทก์ไม่มาศาล โจทก์จะขอสืบตัวโจทก์ แต่ปรากฏว่าโจทก์ยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยาน โดยไม่ปรากฏว่าเป็นเพราะเหตุใด ทั้งมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลแสดงเหตุอันสมควรที่ไม่ได้ขอระบุพยานภายในเวลา ที่กฎหมายกำหนด พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 มีผลห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 ทั้งไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานตามมาตรา 87 (2) ได้ เหตุนี้จึงถือได้ว่าข้ออ้างของโจทก์ตามฟ้องรับฟังไม่ได้ ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษายกฟ้องของโจทก์เสีย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่นาหนึ่งแปลงได้ครอบครองและทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แล้ว ครั้นวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๑๕ โจทก์กู้เงินจำเลยที่ ๓ เป็นเงิน ๕,๐๐๐ บาท และนำที่ดินดังกล่าวจดทะเบียนจำนองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย และจดทะเบียนครั้งที่ ๑ อีก เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๑๗ วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๑๘ โจทก์ได้ชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างเดือนมีนาคม ๒๕๒๐ โจทก์ทราบว่าจำเลยที่ ๓ นำที่นาดังกล่าวไปจดทะเบียนจำนองต่อสหกรณ์การเกษตรดอนสวรรค์ จึงปรากฏว่าในวันไถ่จำนองจากจำเลยที่ ๓ นั้น โจทก์ได้จดทะเบียนขายที่นาดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ ๓ โจทก์ทำนิติกรรมไปโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญ ขอให้พิพากษาว่าการจดทะเบียนซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๓ เป็นโมฆะ
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การว่า การจดทะเบียนซื้อขายที่พิพาท เจ้าพนักงานได้ปฏิบัติไปโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า โจทก์ได้กู้เงินจำเลยที่ ๓ ไป ๒ ครั้ง และนาที่ดินตามฟ้องมาจำนองเป็นประกัน โจทก์ไม่มีเงินชำระหนี้ จึงตกลงชายที่ดินให้จำเลยที่ ๓ โดยความสมัครใจของโจทก์เอง
ระหว่างพิจารณาโจทก์เคยขอเลื่อนคดีมาครั้งหนึ่งโดยโจทก์ยังมิได้ระบุพยาน ในวันนัดสืบพยานครั้งต่อมา โจทก์แถลงว่าพยานคู่กับตัวโจทก์ไม่มาศาลขอสืบตัวโจทก์ไปก่อน จำเลยคัดค้านขอให้เลื่อนคดีไป ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี โดยที่โจทก์ยังไม่ได้ระบุพยาน ศาลชั้นต้นจึงถือว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบสั่งให้งดสืบพยานจำเลย แล้วพิพากษาในวันนั้นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ได้ความว่าเมื่อโจทก์ขอเลื่อนคดีครั้งแรกเมื่อ วันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๒๑ โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ ต่อมาในวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๒๑ ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่สอง ตัวโจทก์มาศาลแต่พยานโจทก์ไม่มาศาลโจทก์จะขอสืบตัวโจทก์ แต่ปรากฏจากสำนวนว่าโจทก์ยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานอีก เห็นว่าโจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานทั้งสองนัด โดยไม่ปรากฏว่าเป็นเพราะเหตุใดทั้งมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลแสดงเหตุอันสมควรที่ไม่ได้ขอระบุพยาน ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด การที่ได้แถลงต่อศาลขอสืบตัวโจทก์เป็นพยาน โดยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการจงใจฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๘ มีผลห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๗ ทั้งไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานตามมาตรา ๘๗ (๒) ดังนั้น กรณีหาใช่เป็นเรื่องโจทก์ไม่มีพยานมาสืบดังข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นไม่ แต่เป็นเรื่องศาลที่จะรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ที่ขอนำสืบไม่ได้ เหตุนี้จึงถือได้ว่าข้ออ้างของโจทก์ตามฟ้องรับฟังไม่ได้ ชอบที่ศาลจะมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์ แล้วพิพากษายกฟ้องของโจทก์เสียได้
พิพากษากลับยกฟ้องโจทก์

Share