คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยมีลูกระเบิดมือไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตและใช้ระเบิดมือนั้นในการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ถือว่าเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เมื่อโจทก์แยกฟ้องและศาลลงโทษจำเลยฐานมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองแล้ว คดีย่อมเสร็จเด็ดขาดเฉพาะกระทงความผิดนั้น ส่วนกระทงความผิดที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานนั้น เป็นอีกกระทงหนึ่งซึ่งยังไม่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงไม่ระงับ

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับปัญหากฎหมายในคดีนี้มีว่า เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2512 เวลากลางคืน จำเลยในคดีนี้ได้พยายามใช้ลูกระเบิดขว้างสังหารปาทำร้ายร้อยตำรวจโทมนัส สังคนนท์ และจ่าสิบตำรวจไชยเวช ไทยจีบ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธร อำเภอเมืองนนทบุรี ขณะที่เจ้าพนักงานทั้งสองนั้นจะเข้าจับกุมจำเลย แต่จำเลยถูกจับได้ทันในตอนที่จำเลยกำลังใช้ปากกัดจะถอดสลักนิรภัย เหตุเกิดที่ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นสองสำนวน คือสำนวนคดีแดงที่ 296/2512 ฐานมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครอง ฯลฯ กับฟ้องเป็นคดีนี้อีกกระทงหนึ่งฐานต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยสำหรับคดีแดงที่ 296/2512 มีกำหนด 6 เดือน จำเลยรับโทษและพ้นโทษในคดีดังกล่าวไปแล้วก่อนศาลชั้นต้นตัดสินคดีนี้ โจทก์จึงขอให้ลงโทษจำเลยสำหรับคดีนี้ตามกระทงความผิด และขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีก่อน

จำเลยปฏิเสธโดยมิได้ต่อสู้ข้อกฎหมาย เรื่องฟ้องซ้ำไว้ในศาลชั้นต้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 16 ปี แต่เห็นว่าจำเลยพ้นโทษในคดีก่อนไปแล้วจึงไม่นับโทษต่อและให้เริ่มนับโทษตั้งแต่วันถูกจับเป็นต้นไป

โจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น และขอให้ศาลอุทธรณ์นับโทษจำเลยต่อจากคดีก่อนดังกล่าว ส่วนจำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงและต่อสู้ข้อกฎหมายขึ้นมาในชั้นอุทธรณ์ว่าฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่ 296/2512 ที่จำเลยรับโทษไปแล้วโดยอ้างว่าเป็นความผิดกรรมเดียวกัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยได้กระทำผิดจริงดังโจทก์ฟ้อง และความผิดสำนวนนี้กับสำนวนก่อนเป็นสองกรรมต่างกัน โจทก์มีอำนาจฟ้องคดีนี้ แต่เห็นว่า ความผิดสองกรรมนี้เกิดในวาระเดียวเพียงแต่โจทก์แยกฟ้อง จึงเห็นด้วยกับศาลชั้นต้นที่ไม่นับโทษต่อพิพากษายืน

จำเลยฎีกาทั้งปัญหาข้อเท็จจริงว่าไม่ได้กระทำผิดและข้อกฎหมายว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ เพราะเป็นฟ้องซ้ำกับคดีแดง 296/2512 ดังที่จำเลยโต้เถียงมาในชั้นอุทธรณ์

สำหรับปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาเห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ความผิดฐานมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตกับความผิดฐานพยายามฆ่าและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เมื่อโจทก์ฟ้องและศาลลงโทษจำเลยฐานมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองแล้ว คดีย่อมเสร็จเด็ดขาดเฉพาะกระทงความผิดนั้น ส่วนกระทงความผิดที่จำเลยกระทำกับผู้เสียหายในคดีนี้ยังหามีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปไม่ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมไม่ระงับไป

พิพากษายืน

Share