คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1448/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลเห็นว่า คดีได้ความชัดพอจะตัดสินได้แล้ว ศาลก็มีอำนาจตัดสินได้ โดยไม่ต้องมีการชี้สองสถาน ไม่เป็นการขัดต่อวิธีจารณาและไม่มีกฎหมายใดบังคับให้ศาลต้องรอการตัดสินไว้เพื่อให้โอกาศคู่ความที่จะแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง และคำให้การก่อน
เดิมโจทก์ฟ้อง เรียกเงินราคาแป้งที่โจทก์ขายให้จำเลย ศาลฎีกาพิพากษาในคดีนั้นว่า โจทก์,จำเลยได้ทำความตกลงกันใหม่ ยกเลิกสัญญาเดิมแล้ว ข้อที่หากันว่าผิดสัญญาจึงตกไป โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้เรียกเงินตามข้อตกลงใหม่ การที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาใหม่นี้ ย่อมเป็นคนละประเด็นกับเรื่องก่อนจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 148.
(อ้างฎีกาที่ 319/2492)
คดีที่ขาดอายุความ ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 165 มีหลายข้อหลายกรณี คำให้การของจำเลยกล่าวแต่ว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความตามมาตรา 165 มิได้กล่าวว่าขาดอายุความในกรณีใดหรือข้อใดแม้อนุมาตราของมาตรา 165 ก็มิกล่าวถึง คดีจึงไม่มีประเด็นจะชี้ไปถึงว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความ.

ย่อยาว

ความว่า เดิมโจทก์ฟ้องเรียกเงินราคาแป้งที่โจทก์ขายให้แก่จำเลย ศาลฎีกาพิพากษาในคดีนั้นว่า โจทก์,จำเลยได้ทำความตกลงกันใหม่ ยกเลิกสัญญาเดิมแล้ว ข้อที่หากันว่าผิดสัญญาก็ตกไป ไม่มีเหตุที่ศาลจะบังคับให้ตามที่ขอมา เว้นแต่เงินมัดจำ เมื่อปรากฏว่าไม่ใช่สัญยาเดิมแล้ว และไม่ปรากฏว่าโจทก์มีสิทธิแต่อย่างใดจะยึด จึงพิพากษาให้โจทก์คืนมัดจำให้แก่จำเลยอย่างเดียว โจทก์จึงมาฟ้องเรียกค่าแป้งที่โจทก์ส่งให้จำเลยตามข้อตกลงใหม่ รวมเป็นเงิน ๖๔๐๐ บาท จำเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องซ้ำต้องห้าม และคดีขาดอายุความคู่ความรับกันว่า ได้เป็นความกันในคดีแดงที่ ๓๐/๒๔๘๘ ของศาลจังหวัดพัทลุง ซึ่งคดีถึงที่สุดชั้นศาลฎีกาดังกล่าวแล้วข้างต้นศาลนักตัดสินในวันนั้นเอง จำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อน แล้วนัดชี้สองสถานเพื่อให้โอกาศแก่คู่ความได้แก้ไขเพิ่มเติมก่อนวันนัดชี้สองสถานด้วย ฝ่ายโจทก์คัดค้าน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
(๑) จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลสอบถามคู่ความในวันนัดพร้อมแล้ว พิพากษาเสียเลย เป็นการตัดโอกาศจำเลยที่จะแก้ไขเพิ่มเติมข้อต่อสู้ ก่อนวันชี้สองสถานเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลเห็นว่าคดีได้ความชัดพอจะตัดสินได้แล้ว ศาลก็มีอำนาจตัดสินได้โดยไม่ต้องมีการชี้สองสถาน ไม่เป็นการขัดต่อวิธีพิจารณาและไม่มีกฎหมายใดบังคับให้ศาลต้องรอการตัดสินไว้ เพื่อโอกาศคู่ความที่จะแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง และคำให้การก่อนดังจำเลยอ้าง ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น.
(๒) จำเลยฎีกาว่าโจทก์ฟ้องซ้ำกับคดีก่อน ต้องห้าม ป.ม.วิ.แพ่ง ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์ได้กล่าวถึงมูลกรณีเดิมที่โจทก์,จำเลยทำสัญญาซื้อขายแป้งต่อกัน แล้วโจทก์บรรยายต่อไปถึงการที่โจทก์,จำเลยเลิกสัญญา และทำความตกลงกันใหม่ทำนองเดียวที่ศาลฎีกาพิพากษาในคดีก่อน และโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามข้อตกลงใหม่นี้ การที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาใหม่ ย่อมเป็นประเด็นคนละเรื่องกับคดีก่อน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา ๑๔๘
(๓) จำเลยฎีกาว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความศาลฎีกาเห็นว่า คดีที่จะขาดอายุความตามมาตรา ๑๖๕ มีหลายข้อหลายกรณี ตามคำหใ้การของจำเลยเป็นแต่กล่าวว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความตามมาตรา ๑๖๕ มิได้กล่าวเลยว่า ขาดอายุความในกรณีข้อใด แม้แต่อนุมาตราของมาตรา ๑๖๕ ก็มิได้กล่าวถึง ไม่สามารถจะเข้าใจได้ดังจำเลยอ้าง
พิพากษายืนตาม.

Share