คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1447/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องกับบุตรผู้คัดค้านเป็นสามีภริยากันโดยไม่จดทะเบียนสมรส. เกิดบุตรด้วยกัน 1 คน. ซึ่งบิดาได้รับรองแล้ว. ต่อมาบุตรผู้คัดค้านและบุตรผู้ร้องถึงแก่ความตายวันเดียวกัน. โดยบุตรผู้คัดค้านตายก่อนผู้ร้องจึงร้องขอจัดการมรดกของบุตร. ซึ่งได้รับมรดกตกทอดมาจากบุตรผู้คัดค้าน. ไม่มีมรดกอื่นอีก. ผู้คัดค้านได้คัดค้านว่า. ผู้ร้องได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้คัดค้านว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของบุตรผู้คัดค้าน. โดยผู้คัดค้านได้จ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้ผู้ร้องรับไปเสร็จสิ้นแล้ว. ดังนั้นหากฟังได้ตามคำคัดค้าน.ย่อมถือได้ว่า ผู้ร้องได้ยอมสละสิทธิที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือเรียกร้องทรัพย์สินใดๆเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของบุตรผู้คัดค้าน. อันจะเป็นมรดกแก่บุตรผู้ร้อง. และตกทอดมายังผู้ร้อง. เมื่อผู้ร้องได้สละสิทธิดังกล่าวโดยได้รับเงินตอบแทนไปแล้ว. จึงเป็นอันว่ามรดกของบุตรผู้ร้องไม่มีแล้ว. แม้ผู้ร้องจะเป็นทายาทของบุตร. ตามพฤติการณ์ก็ไม่มีเหตุที่จะให้ศาลตั้งเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกของบุตร.ซึ่งไม่มีจะให้จัดการอีกต่อไป. คำคัดค้านของผู้คัดค้านจึงไม่ใช่เรื่องนอกประเด็น.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องได้สมรสกับนายธรรมรงค์โดยไม่ได้จดทะเบียน เกิดบุตรด้วยกันคือเด็กชายอ๊อดหรือเก๊าหมา ซึ่งบิดาได้รับรองแล้ว นายธรรมรงค์กับเด็กชายอ๊อดถึงแก่กรรมโดยอุบัติเหตุแต่นายธรรมรงค์ตายก่อน มรดกของนายธรรมรงค์ตกทอดแก่เด็กชายอ๊อดและตกทอดมายังผู้ร้องซึ่งเป็นมารดาในฐานะทายาทโดยธรรม เนื่องจากมีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดก จึงขอให้ศาลสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของเด็กชายอ๊อด ศาลชั้นต้นได้ประกาศโฆษณาตามระเบียบ นายลิ้ม แซ่เฮง บิดานายธรรมรงค์ผู้ตาย ยื่นคำคัดค้านว่าผู้ร้องกับผู้คัดค้านได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยผู้คัดค้านยอมให้เงินผู้ร้อง 120,000 บาท ผู้ร้องสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือเรียกร้องทรัพย์สินใด ๆ อันเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของนายธรรมรงค์ผู้ตาย และจะไม่เรียกร้องทรัพย์สินใด ๆ อันเกี่ยวกับร้านทอมเจมส์ทั้งสิ้น ทั้งผู้ร้องจะไม่ขอเป็นผู้จัดการมรดกของนายธรรมรงค์แต่อย่างใด ผู้คัดค้านได้ชำระเงิน 120,000 บาทให้ผู้ร้องไปแล้ว ผู้ร้องหมดสิทธิรับมรดกนายธรรมรงค์และมรดกที่ตกทอดแก่บุตรของนายธรรมรงค์ผู้ร้องใช้สิทธิไม่สุจริต ขอให้ยกคำร้อง ทั้งสองฝ่ายแถลงรับกันบางประการ ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้คัดค้านไม่ใช่ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของเด็กชายอ๊อด จึงไม่มีสิทธิและหน้าที่ที่จะใช้สิทธิทางศาล ให้ยกคำร้องคัดค้าน แล้วศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนเฉพาะคำร้องของผู้ร้อง และมีคำสั่งแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกเด็กชายอ๊อด ผู้คัดค้านอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้คัดค้านมีส่วนได้เสีย ย่อมมีสิทธิที่จะคัดค้านได้ แต่ไม่ใช่ประเด็นโดยตรงในคดีนี้ ไม่จำต้องไต่สวนข้อคัดค้าน พิพากษายืน ผู้คัดค้านฎีกา ทางไต่สวนได้ความว่า นายธรรมรงค์ผู้ตายเป็นบุตรผู้คัดค้านและเป็นสามีผู้ร้องโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส เกิดบุตรด้วยกัน 1 คนคือเด็กชายอ๊อดผู้ตาย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2510 นายธรรมรงค์กับเด็กชายอ๊อดได้นั่งรถยนต์และเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ นายธรรมรงค์ตายทันทีเวลา 9 นาฬิกา ส่วนเด็กชายอ๊อดไปตายที่โรงพยาบาลเวลาประมาณ10.30 นาฬิกา ผู้ร้องจึงร้องขอจัดการมรดกเด็กชายอ๊อดซึ่งได้รับจากนายธรรมรงค์บิดา เพราะเหตุที่บิดาตายก่อน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จริงอยู่คดีนี้ผู้ร้องร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของเด็กชายอ๊อดหรือเก๊าหมา อายุ 5 เดือน บุตรผู้ร้องซึ่งเกิดกับนายธรรมรงค์บุตรผู้คัดค้าน โดยอ้างว่านายธรรมรงค์ได้รับรองแล้วว่าเป็นบุตร และเพราะเหตุที่เด็กชายอ๊อดได้ถึงแก่กรรมภายหลังนายธรรมรงค์ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งตามคำร้องของผู้ร้องได้กล่าวยืนยันว่าทรัพย์สินต่าง ๆ อันเป็นมรดกของนายธรรมรงค์ได้ตกทอดแก่เด็กชายอ๊อดบุตรผู้ร้องที่จะตกทอดมายังผู้ร้อง และได้แสดงบัญชีทรัพย์ของนายธรรมรงค์มาท้ายคำร้องด้วย แสดงว่ากองมรดกของเด็กชายอ๊อดที่ผู้ร้องประสงค์จะขอจัดการนั้น คือทรัพย์สินของนายธรรมรงค์ที่จะเป็นมรดกตกทอดมายังเด็กชายอ๊อดโดยตรงนั่นเอง หามีทรัพย์มรดกอื่นใดอีกไม่แต่ผู้คัดค้านได้คัดค้านว่า ผู้ร้องได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันกับผู้คัดค้านตามสัญญาลงวันที่ 18 มกราคม 2511ว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือเรียกร้องทรัพย์สินใด ๆ อันเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของนายธรรมรงค์ผู้ตาย และจะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือเรียกร้องทรัพย์สินใด ๆ อันเกี่ยวกับร้านทอมเจมส์ทั้งสิ้น โดยผู้คัดค้านได้จ่ายเงิน120,000 บาทให้ผู้ร้องรับไปเสร็จสิ้นแล้ว ตามสำเนาสัญญาประนีประนอมยอมความท้ายคำคัดค้าน ผู้ร้องเป็นภรรยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายของนายธรรมรงค์ เมื่อสิทธิของผู้ร้องที่จะขอใช้สิทธิทางศาลเพื่อขอจัดการมรดกของเด็กชายอ๊อด ผู้ร้องก็มีทางเดียวที่จะรับมรดกของนายธรรมรงค์นี้เท่านั้น หากฟังได้ว่าผู้ร้องได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้คัดค้านดังกล่าวจริง ย่อมถือว่าทั้งสองฝ่ายยอมระงับข้อพิพาทซึ่งจะมีขึ้นในทรัพย์สินอันเป็นทรัพย์มรดกของนายธรรมรงค์ผู้ตาย เท่ากับทางฝ่ายผู้ร้องได้ยอมสละสิทธิที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวหรือเรียกร้องทรัพย์สินใด ๆ อันเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของนายธรรมรงค์อันจะเป็นมรดกแก่เด็กชายอ๊อด และตกทอดมายังผู้ร้องนั่นเอง เมื่อผู้ร้องได้สละสิทธิดังกล่าวโดยได้รับเงินค่าตอบแทนไปแล้ว จึงเป็นอันว่ามรดกของเด็กชายอ๊อดไม่มีแล้วแม้ผู้ร้องจะเป็นทายาทของเด็กชายอ๊อด ตามพฤติการณ์ก็ไม่มีเหตุที่จะให้ศาลตั้งเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกของเด็กชายอ๊อด ซึ่งไม่มีจะให้การจัดการต่อไป คำคัดค้านของผู้คัดค้านจึงไม่ใช่เรื่องนอกประเด็น การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำคัดค้าน และศาลล่างทั้งสองสั่งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของเด็กชายอ๊อด โดยไม่พิจารณาคำคัดค้าน ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ย้อนสำนวนไปให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคำร้องและคำคัดค้านให้สิ้นกระแสความแล้วมีคำสั่งใหม่.

Share