แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงถึงตลอดชีวิต และปรับไม่เกิน 40,000 บาท ให้จำคุกจำเลย 7 ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วย จำเลยฎีกาและร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกาศาลอนุญาตให้ประกัน ตีราคา 100,000 บาท การปล่อยชั่วคราวโดยให้ประกันตัวจำเลยระหว่างฎีกาเป็นราคา 100,000 บาท ในกรณีเช่นนี้ ไม่เป็นการเรียกประกันเกินควรและไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 28 แต่อย่างไร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ได้เบียดบังยักยอกเงินขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ขอให้ลงโทษ จำเลยให้การปฏิเสธข้อหา ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔ ให้จำคุกจำเลย ๗ ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ๒๓๗,๗๗๖.๒๔ บาท แก่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จำเลยฎีกาและร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา ศาลอนุญาตให้นายสรศาสตร์ ชาติชำนิ ทำสัญญาประกันตัวจำเลยไปได้ เป็นราคา ๑๐๐,๐๐๐ บาท ต่อมาศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา และนัดให้นายประกันส่งตัวจำเลยมาฟัง นายประกันส่งตัวจำเลยไม่ได้ เพราะยังตามหาตัวไม่พบ ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้อีกนัดหนึ่ง แต่นายประกันก็ยังตามหาตัวจำเลยมาส่งไม่ได้ ศาลชั้นต้นจึงสั่งปรับนายประกัน ๑๐๐,๐๐๐ บาทตามสัญญาประกัน แล้วให้ออกหมายจับจำเลยและเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป ครบกำหนดนัด จำเลยไม่ได้มาฟัง ศาลจึงอ่านคำพิพากษาฎีกานั้นไป ปรากฏว่าศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
นายประกันอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นว่าสั่งปรับนายประกันสูงเกินไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งปรับของศาลชั้นต้น
นายประกันฎีกาคัดค้านว่า ความผิดของจำเลยในคดีนี้ถ้าหากจะต้องรับโทษปรับก็เพียงไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท ผู้ประกันก็ควรจะต้องรับผิดชอบเท่าค่าปรับเพียง๔๐,๐๐๐ บาท ที่ศาลปรับถึง ๑๐๐,๐๐๐ บาทนั้น แพ่งเกินควรแก่กรณี ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๘
ศาลฎีกาเห็นว่า ความผิดที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยมาในคดีนี้นั้น คือความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงถึงตลอดชีวิต และให้ปรับด้วยไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ บาท หาใช่มีโทษแต่เพียงปรับสถานเดียวเท่านั้น และศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษาลงโทษจริงจำคุกถึง ๗ ปี การปล่อยชั่วคราวโดยให้ประกันตัวจำเลยระหว่างฎีกาเป็นราคา ๑๐๐,๐๐๐ บาทนั้น ไม่เป็นการเรียกประกันเกินควร ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๒๘ แต่อย่างไร พิพากษายืน