คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 2 ไปลักทรัพย์โดยไม่ได้ร่วมไปลักทรัพย์ด้วยถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการในการกระทำความผิดดังที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. มาตรา 83 และฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามมาตรา 84จะลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดไม่ได้เช่นกันแต่การกระทำของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่า เป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามมาตรา 86 แม้โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ในฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335, 83 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2525 มาตรา 11 กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 1,000 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคสอง, 83 จำคุกคนละ 1 ปี ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพยืจำนวน 1,000 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ที่ดินของผู้เสียหายกับที่ดินของจำเลยที่ 1 อยู่ใกล้เคียงกัน โดยมีคลองดอนมะปรางเป็นแนวเขต ผู้เสียหายกับจำเลยที่ 1 ได้ปลูกต้นจากสาคูลงไว้ในส่วนที่ดินของตนและในคลองแนวเขตจำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 2 ไปตัดต้นจากสาคูเพื่อจำหน่ายแล้วแบ่งรายได้ระหว่างจำเลยทั้งสอง แผนที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.4ที่ร้อยตำรวจโทจีระศักดิ์ แผ้วชนะ พนักงานสอบสวนทำไว้ถูกต้องปัญหาว่าต้นจากสาคูที่จำเลยที่ 1 ใช้ให้จำเลยที่ 2 ตัดเอาไปเป็นของผู้เสียหายหรือไม่ โจทก์มีประจักษ์พยานคือนางสายพิน หนูเกตุผู้ดูแลที่ดินของผู้เสียหายมาเบิกความว่าวันเกิดเหตุเห็นจำเลยที่ 2ตัดต้นจากสาคูทางด้านที่ดินของผู้เสียหายขึ้นมาถึงริมตลิ่งได้สอบถามแล้ว จำเลยที่ 2 ว่าจำเลยที่ 1 ใช้ให้มาตัดไปขายประจักษ์พยานโจทก์ปากนี้ไม่มีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสองแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุที่จะระแวงสงสัยว่าแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยทั้งสอง เมื่อพิเคราะห์ประจักษ์พยานโจทก์ปากนี้ประกอบแผนที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.4 ที่แสดงถึงอาณาเขตคลองดอนมะปรางกับถ้อยคำของนายมุม ทิพย์มุณี พยานโจทก์ซึ่งเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านว่า เมื่อตนดำรงตำแหน่งราษฎรมีเหตุวิวาทเรื่องแนวเขตที่ดินและต้นจากสาคู ได้ประชุมตกลงให้ถือว่าต้นจากสาคูขึ้นในที่ดินของบุคคลใดบุคคลนั้นเป็นเจ้าของ และให้ถือร่องคลองตรงกลางเป็นแนวเขต ซึ่งจำเลยที่ 2 ผู้เสียหายและบิดาจำเลยที่ 1 มาร่วมประชุมรับทราบแล้ว เห็นว่า ตามพฤติการณ์ดังกล่าว จำเลยทั้งสองต้องทราบดีว่าต้นจากสาคูที่จำเลยที่ 2 ตัดไปเป็นของผู้เสียหาย เพราะขณะเกิดเหตุพนักงานสอบสวนก็ว่ายังมีร่องน้ำตรงกลางคลองอยู่เมื่อจำเลยที่ 2 ตัดไปขาย จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานลักทรัพย์
แต่สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1เป็นผู้ใช้ให้จำเลยที่ 2 ไปลักทรัพย์ดังกล่าว โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ไปร่วมลักทรัพย์ด้วย ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวการในการกระทำผิดดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และฟ้องของโจทก์ก็มิได้บรรยายว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามมาตรา 84 เพียงแต่ว่า จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ร่วมกันลักทรัพย์รายนี้ จะลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำผิดไม่ได้ แต่การกระทำของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่า เป็นการสนับสนุนให้จำเลยที่ 2 กระทำผิดตามมาตรา 86 ซึ่งแม้มิได้กล่าวในฟ้องศาลก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ในฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานลักทรัพย์รายนี้ได้”
พิพากษากลับว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ประกอบด้วยมาตรา 86 จำคุก8 เดือน จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 จำคุก1 ปี จำเลยทั้งสองให้การในชั้นสอบสวนและในชั้นศาลเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 เดือน 10 วัน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 8 เดือน ไม่ปรากฏว่า จำเลยทั้งสองได้เคยกระทำผิดมาก่อนและทรัพย์มีราคาเล็กน้อย โทษจำคุกจำเลยทั้งสองเห็นสมควรรอการลงโทษไว้มีกำหนดสองปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 1,000 บาท แก่ผู้เสียหาย.

Share