คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1441/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อน โจทก์ฟ้องอ้างว่าที่พิพาทมารดาโจทก์ได้มาโดยชนะความจาก ย.โจทก์และมารดาได้ครอบครองโดยสงบและเปิดเผยเกิน 10 ปี ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์แก่โจทก์ ศาลฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทเกิน 10 ปีจริง แต่ที่ที่มารดาโจทก์ชนะความหาใช่ที่ที่ โจทก์ฟ้องไม่ จึงพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดโจทก์จึงนำมาฟ้องจำเลยใหม่ว่า ที่พิพาทในคดีก่อนนั้นโจทก์และมารดาได้ครอบครองมาโดยสงบและเปิดเผยเกิน 10 ปีขอให้ศาลแสดงว่าที่เป็นของโจทก์ ดังนี้หาเป็นการฟ้องซ้ำไม่ เพราะคดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าโจทก์ฟ้องกล่าวข้ออ้างโดยเห็นว่าข้อหาไม่ตรงกัน กล่าวคือที่พิพาทไม่ใช่ที่ซึ่งมารดาโจทก์ชนะความตามฟ้อง หาได้พิพากษายกฟ้องในประเด็นที่โจทก์อ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ในทางครอบครองไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดที่ 739 และ 4791 เดิมมีชื่อสมิงโยธาราษฎร์กับนางพุกถือกรรมสิทธิ์ เมื่อประมาณ 20 ปีเศษมานี้ โจทก์และนางบางมารดาโจทก์ ได้ครอบครองที่ 2 แปลงนี้โดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ มารดาโจทก์ตายไปแล้ว โจทก์เป็นผู้รับมรดก จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินทั้ง 2 แปลงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง จำเลยให้การต่อสู้ในข้อเท็จจริงและตัดฟ้องว่าโจทก์เคยฟ้องจำเลยเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2 แปลงนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว เป็นการฟ้องซ้ำอีก ก่อนสืบพยานจำเลยขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายว่าจะเป็นการฟ้องซ้ำหรือไม่ โจทก์จำเลยรับกันว่า คดีก่อนคือคดีแพ่งแดงที่ 34/2491 ซึ่งโจทก์จำเลยเป็นคนเดียวกับคดีนี้ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่เป็นการฟ้องซ้ำ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ปรากฏตามคดีก่อนว่า คดีโจทก์ฟ้องอ้างว่าที่พิพาทคือที่ดินโฉนดที่ 739 และ 4791 นางบางมารดาโจทก์ได้มาโดยชนะความสมิงโยธาราษฎร์บิดาจำเลย แล้วนางบางมารดาโจทก์กับโจทก์ได้ครอบครอง ถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของตลอดมา 20 ปีเศษแล้ว ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ คดีนั้นศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าฝ่ายโจทก์ครอบครองที่พิพาทมาเกินกว่า10 ปีจริง แต่ฟังว่าที่นั้นไม่ใช่ที่ที่มารดาโจทก์ชนะความตามฟ้องที่ที่ชนะความนั้นอยู่ระหว่างกลาง หาใช่ที่ที่โจทก์ฟ้องไม่ จึงพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดชั้นศาลจังหวัด โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขึ้นใหม่

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลจังหวัดพิพากษาในคดีก่อนโดยยกฟ้องโจทก์เสียนั้น ก็โดยเห็นว่าโจทก์ฟ้องกล่าวข้ออ้างข้อหาไม่ตรงกันกล่าวคือที่พิพาทไม่ใช่ที่ซึ่งนางบางชนะความตามฟ้อง หาได้พิพากษายกฟ้องในประเด็นข้อที่โจทก์อ้างว่าได้กรรมสิทธิ์ในทางครอบครองไม่ จึงยังถือไม่ได้ว่าในคดีก่อนได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นดังที่ได้วินิจฉัย โดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับคดีเรื่องหลังนี้โจทก์จึงมีสิทธิฟ้อง

พิพากษายืน

Share