คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยตายก่อนฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเรียกภรรยาจำเลยเข้ามาเป็นคู่ความแทนภายในกำหนด 1 ปี แต่ปรากฏว่าภรรยาจำเลยไม่ได้รับมรดก เนื่องจากจำเลยทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้แก่บุตรทั้งสิ้น โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกบุตรจำเลยเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลย แม้จะยื่นคำร้องตอนหลังนี้เกินกำหนด 1 ปีแล้วนับแต่จำเลยตายก็ถือได้ว่าโจทก์มิได้ทอดทิ้งคดีของตนเสียและจะถือว่าโจทก์ไม่มีคำขอภายใน 1 ปี ตามมาตรา 42 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่ฝากไว้คืนจากจำเลย ศาลแพ่งพิจารณาแล้วพิพากษาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2488 ให้จำเลยใช้เงิน 6,865 บาทกับดอกเบี้ยคืนให้โจทก์

จำเลยอุทธรณ์ต่อมา ศาลแพ่งได้ส่งหมายนัดคู่ความให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ความจึงปรากฏขึ้นว่า ตัวจำเลยถึงแก่กรรมเสียแล้ว ศาลแพ่งจึงสั่งให้งดการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไว้จนกว่าจะมีผู้เข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลย

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2488 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกคุณหญิงสุนทรลิขิตภรรยาจำเลยผู้รับมรดกเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลย

คุณหญิงระเบียบสุนทรลิขิตคัดค้านว่า ไม่ใช่ผู้รับมรดกผู้ตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้บุตรทั้งสิ้น และได้นำพินัยกรรมมาแสดงต่อศาล โจทก์จึงแถลงว่าจะได้ยื่นคำร้องขอให้เรียกผู้รับพินัยกรรมเข้ามาเป็นคู่ความต่อไป ศาลจึงสั่งถอนหมายเรียกคุณหญิงระเบียบสุนทรลิขิตโดยส่วนตัวเสีย

วันที่ 15 เมษายน 2489 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกนางสาวดีเลิศ กับพวก และคุณหญิงระเบียบ สุนทรลิขิต มารดาผู้แทนโดยชอบธรรม บุตรผู้รับพินัยกรรมซึ่งเป็นผู้เยาว์ ศาลแพ่งได้หมายเรียกบุคคลเหล่านั้นมาศาลเพื่อเป็นคู่ความแทนจำเลย

นางสาวดีเลิศ กับพวกคัดค้านว่า จำเลยตายตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2488 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกผู้รับมรดกความเกิน 1 ปี หมดสิทธิ์แล้วตามมาตรา 42

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้คัดค้านอยู่ในฐานะที่จะรับฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แทนจำเลย จึงได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังในวันนั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

นางสาวดีเลิศกับพวกฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า มาตรา 42 มิใช่บทบัญญัติกำหนดอายุความเรื่องสิทธิเรียกร้องแต่อย่างใด หากเป็นบทบัญญัติกำหนดเวลาไว้สำหรับศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีในเมื่อคู่ความฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ละเลยเพิกเฉยคดีของตนเสียถึงขนาดที่จะอนุมานได้ว่าไม่ติดใจว่ากล่าวเอากับคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งแล้วเท่านั้น กรณีเรื่องนี้ โจทก์ได้มีคำขอเรียกคุณหญิงระเบียบ สุนทรลิขิต เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยผู้มรณะแล้วภายในกำหนด 1 ปี มิได้ทอดทิ้งคดีของตนเสีย ส่วนการที่ศาลและโจทก์จะต้องดำเนินการต่อไป เพื่อให้รู้แน่ถึงตัวบุคคลที่สมควรเป็นคู่ความแทนผู้มรณะนั้น แม้จะเนิ่นช้าต่อมาอีก ก็เป็นที่เห็นได้ว่าไม่ใช่ความผิดของโจทก์ที่จะแกล้งประวิงเวลาอย่างใด จะถือเอาว่าโจทก์ไม่มีคำขอภายในกำหนด 1 ปี อันเป็นการทอดทิ้งคดีของตนเสียตามมาตรา 42 หาได้ไม่จึงพิพากษายืน

Share