คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยแพ้คดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จึงนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่ต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลแล้วฎีกา ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกาโดยโจทก์ยื่นคำแถลงต่อศาลว่า โจทก์ยอมรับชำระเงินตามคำพิพากษาเพียง51,000 บาท นอกจากเงินดังกล่าวนี้แล้วโจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องและบังคับคดีเอาจากเงินจำนวนอื่น ๆ ตามคำพิพากษาอีก ศาลฎีกาจึงอนุญาตให้ถอนฎีกาได้ ดังนี้ โจทก์ย่อมจะต้องถูกผูกพันตามคำแถลงของตน จึงไม่มีสิทธิที่จะรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่จำเลยวางศาลใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อีก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชดใช้ค่าเสียหายกรณีลูกจ้างของจำเลยขับรถยนต์บรรทุกชนรถยนต์บรรทุกของโจทก์เสียหายเป็นเงิน 66,404บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,500 บาทจำเลยอุทธรณ์และนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่ต้องใช้แทนโจทก์วางศาลรวมเป็นเงิน 3,580 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 800 บาทจำเลยฎีกา
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยยื่นคำร้องขอถอนฎีกาโดยโจทก์ยื่นคำแถลงว่าโจทก์และจำเลยได้ตกลงกันโดยโจทก์ยินยอมรับชำระเงินตามคำพิพากษาเพียง 51,000 บาทเท่านั้นและบัดนี้จำเลยได้ชำระเงินจำนวน 51,000 บาทให้โจทก์เป็นที่พอใจแล้ว นอกจากเงินจำนวนดังกล่าวนี้แล้วโจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องและบังคับคดีเอาจากเงินจำนวนอื่น ๆ ตามคำพิพากษานอกจากนี้อีกซึ่งศาลฎีกาอนุญาตให้ถอนฎีกาได้
โจทก์ขอรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่จำเลยวางศาลไว้ใช้แทนโจทก์จำนวน 4,380 บาทศาลชั้นต้นอนุญาต
ต่อมาจำเลยยื่นคำแถลงลงวันที่ 27 ธันวาคม 2527 ขอรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมกับค่าทนายความใช้แทนโจทก์ที่วางศาลไว้คืน
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ขอรับเงินดังกล่าวไปแล้วยกคำขอ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษากลับเป็นว่าจำเลยมีสิทธิขอรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่จำเลยวางศาลใช้แทนโจทก์ได้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘เห็นว่าคำแถลงของโจทก์ที่ระบุว่าโจทก์จำเลยตกลงกันโดยโจทก์ยินยอมรับชำระเงินตามคำพิพากษาเพียง51,000 บาทเท่านั้น และบัดนี้จำเลยได้ชำระเงินจำนวน 51,000 บาทให้แก่โจทก์เป็นที่พอใจแล้ว นอกจากเงินจำนวนดังกล่าวนี้แล้วโจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องและบังคับคดีเอาเงินจำนวนอื่น ๆ ตามคำพิพากษานอกจากนี้อีกนั้นถือได้แล้วว่าโจทก์ยินดีรับค่าเสียหายเบ็ดเสร็จจำนวน 51,000 บาทเงินจำนวนอื่นตามคำพิพากษาคือดอกเบี้ยในต้นเงินดังกล่าวร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จก็ดี เงินค่าธรรมเนียมและค่าทนายความที่จำเลยต้องใช้แทนก็ดีโจทก์ไม่ติดใจเรียกร้องและบังคับคดีเอาอีกเมื่อโจทก์ยื่นคำแถลงดังกล่าวต่อศาลและจำเลยก็ได้ยื่นคำร้องขอถอนฎีกาโดยอ้างถึงข้อตกลงตามคำแถลงของโจทก์ไว้ด้วยแล้ว โจทก์จึงย่อมจะต้องถูกผูกพันตามคำแถลงของตนดังกล่าว ดังนั้นโจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่จำเลยวางศาลใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์อีกที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีสิทธิขอรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความที่จำเลยวางศาลใช้แทนโจทก์ได้นั้นชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืนจำเลยไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความในชั้นฎีกาให้’.

Share