คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ถ้าไม่มีความเห็นแย้งหรือคำรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้ ให้ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ในกรณีเช่นนี้ผู้อุทธรณ์ชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลถึงอธิบดีผู้พิพากษาหรืออธิบดีผู้พิพากษาภาคภายในเจ็ดวันตาม ป.วิ.พ. มาตรา 230 วรรคสาม ซึ่งบัญญัติถึงทางแก้เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ กำหนดเวลาเจ็ดวันดังกล่าวจึงต้องนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง มิใช่นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ชำระเงิน 12,000 บาท จำเลยที่ 2 ชำระเงิน 9,000 บาท จำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ชำระเงินคนละ 6,000 บาท จำเลยที่ 6 ถึงที่ 13 ชำระเงินคนละ 3,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2556 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสิบสามให้ชำระหนี้อันอาจแบ่งแยกได้ จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ต้องถือตามจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยแต่ละคนชำระ เมื่อจำเลยแต่ละคนต้องรับผิดชำระเงินไม่เกินคนละ 50,000 บาท คดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง จึงไม่รับอุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้รับรองอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์ไม่มีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง จึงไม่รับรองให้อุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 8 อนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 230 วรรคสาม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้โจทก์ยื่นอุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2557 แต่โจทก์มายื่นคำร้องขอให้รับรองอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เมื่อล่วงเลยเวลายื่นอุทธรณ์ จึงไม่รับให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 8 อนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า คู่ความทราบคำพิพากษาศาลชั้นต้นวันที่ 23 เมษายน 2557 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ยื่นอุทธรณ์ได้ภายในวันที่ 20 มิถุนายน 2557 โจทก์ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2557 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์โจทก์ในวันดังกล่าว โจทก์ยื่นคำร้องวันที่ 19 มิถุนายน 2557 ขอให้ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับรองให้อุทธรณ์และโจทก์ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2557 ขอให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 8 อนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของโจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 8 อนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือภายในกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 230 วรรคสาม หรือไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงของโจทก์เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2557 โจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 8 รับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับรองให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 230 วรรคสาม โจทก์ยื่นคำร้องในวันที่ 26 มิถุนายน 2557 ซึ่งยังไม่พ้นเวลาตามที่กฎหมายกำหนด ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์ว่ายื่นเกินกำหนดจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ถ้าไม่มีความเห็นแย้งหรือคำรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้ ให้ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ในกรณีเช่นนี้ผู้อุทธรณ์ชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลถึงอธิบดีผู้พิพากษาหรืออธิบดีผู้พิพากษาภาคภายในเจ็ดวัน เมื่อศาลได้รับคำร้องเช่นว่านั้น ให้ศาลส่งคำร้องพร้อมสำนวนความไปยังอธิบดีผู้พิพากษาหรืออธิบดีผู้พิพากษาภาคเพื่อมีคำสั่งยืนตามหรือกลับคำสั่งของศาลนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 230 วรรคสาม ซึ่งบัญญัติถึงทางแก้เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ กำหนดเวลาเจ็ดวันตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงต้องนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง มิใช่นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงดังที่โจทก์ฎีกา เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์โจทก์ในวันที่ 18 มิถุนายน 2557 โจทก์จึงมีสิทธิยื่นคำร้องเพื่อขอให้อธิบดีผู้พิพากษาภาค 8 อนุญาตให้อุทธรณ์เป็นหนังสือต่อศาลชั้นต้นภายในเจ็ดวัน คือภายในวันที่ 25 มิถุนายน 2557 แต่โจทก์ยื่นคำร้องในวันที่ 26 มิถุนายน 2557 จึงพ้นเวลาตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share