คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียน ป. กับพวกเป็นคณะกรรมการของผู้ร้อง และให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกับโจทก์ทั้งสองจัดการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการของผู้ร้องใหม่ กับจำเลยที่ 1 ฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนคณะกรรมการของผู้ร้อง ผลของคำขอของโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 จึงกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องอันทำให้ผู้ร้องต้องมีการเลือกตั้งคณะกรรมการของผู้ร้องใหม่ ผู้ร้องจึงมีความจำเป็นในการร้องสอดเพื่อเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามเพื่อรับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงขอเข้ามาในคดีได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนคณะกรรมการของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยอ้างว่าจำเลยทั้งเจ็ดซึ่งเป็นประธาน เลขานุการ เหรัญญิก นายทะเบียน และกรรมการของสหภาพแรงงานดังกล่าว ดำเนินการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งกรรมการสหภาพแรงงานชุดใหม่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 และข้อบังคับของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำเลยที่ 1 ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 1 กับพวกดำเนินการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารอาคารสงเคราะห์โดยชอบแล้ว สาเหตุที่สมาชิกไม่อยู่ในที่ประชุมใหญ่เนื่องจากสมาชิกนำบัตรไปลงคะแนนเลือกตั้งแล้วกลับไปทำงาน ต่อมาเมื่อจำเลยที่ 1 กับพวกถูกฟ้องเป็นคดีนี้ จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอถอนการจดทะเบียนคณะกรรมการต่อนายทะเบียนแล้ว แต่นายทะเบียนไม่ยุติการจดทะเบียน การที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนคณะกรรมการชุดใหม่ทันทีจึงเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนคณะกรรมการชุดใหม่ของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารอาคารสงเคราะห์
ในวันนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารอาคารสงเคราะห์ ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) ว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสหภาพแรงงานในวันที่ 3 เมษายน 2552 โดยชอบ การพิจารณาคดีนี้กระทบกระเทือนสิทธิของผู้ร้อง จึงขอร้องสอดเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าคำร้องไม่มีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) จึงไม่รับคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่าผู้ร้องมีเหตุในการร้องสอดเข้าเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) หรือไม่ โดยผู้ร้องอุทธรณ์ว่า โจทก์ทั้งสองขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้นายทะเบียนกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเพิกถอนการรับจดทะเบียนให้นายปิยะรัตน์ กับพวกรวม 30 คน เป็นคณะกรรมการของผู้ร้องซึ่งส่งผลให้คณะกรรมการของผู้ร้องต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ผลของคดีย่อมกระทบสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงมีสิทธิในการเข้าเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) เห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้เพิกถอนการรับจดทะเบียนให้นายปิยะรัตน์ กับพวกรวม 30 คน เป็นคณะกรรมการของผู้ร้อง และให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกับโจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการของผู้ร้องใหม่ จำเลยที่ 1 ให้การและฟ้องแย้งขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนคณะกรรมการของผู้ร้อง ดังนี้ ผลตามคำขอของโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 จึงกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องอันทำให้ผู้ร้องต้องมีการเลือกตั้งคณะกรรมการของผู้ร้องใหม่ ผู้ร้องจึงมีความจำเป็นในการร้องสอดเพื่อเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม เพื่อรับความรับรอง คุ้มครอง หรือบังคับตามสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงชอบที่จะขอเข้ามาในคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (1) ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 ที่ศาลแรงงานกลางไม่รับคำร้องสอดของผู้ร้องสอดไว้พิจารณา ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ศาลแรงงานกลางรับคำร้องสอดของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไป

Share