คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1438/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ มาตรา 106 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอที่จะรับอายัติทรัพย์
ปลัดอำเภอมีอำนาจตามกฎหมายที่จะยึดหรืออายัติของกลางได้ ฉะนั้นจึงมีอำนาจมอบหมายให้จำเลยผู้มีข้าวไม่แจ้งปริมาณ เป็นผู้รักษาข้าวของกลางไว้ได้.

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณารวมกัน สำนวนที่หนึ่ง โจทก์ฟ้องหาว่านายเปรยจำเลยไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บข้าว สำนวนที่ ๒ โจทก์ฟ้องหาว่านางผ่อง,นายเปรยจำเลย ยักยอกข้าวเปลือกเกินกว่าราคาสูงสุด ขอให้ลงโทษ จำเลยทั้ง ๒ ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นเห็นว่า พะยานหลักฐานไม่พอฟังว่า จำเลยกระทำผิด ให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นในข้อที่ให้ยกฟ้องข้อหาไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บข้าว กับข้อหาฐานขายข้าวเกินราคาสูงสุด ส่วนข้อหาฐานจำเลยยักยอกข้าวของกลางที่ต้องอายัตินั้น เห็นว่าปลัดอำเภอไม่มีอำนาจสั่งอายัติข้าวของกลางได้ จึงไม่จำต้องยกคำพะยานจำเลยขึ้นกล่าว พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า ตามกฎหมาย ปลัดอำเภอมีอำนาจอายัติของกลางได้ จำเลยจึงมีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๒๒, ๓๑๖
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่มาตรา ๑๐๖ กำหนดให้เป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอที่จะรับอายัติทรัพย์ แต่กรณีนี้เป็นเรื่องปลัดอำเภอมอบหมายให้จำเลย ผู้มีข้าวไม่แจ้งปริมาณเป็นผู้รักษาไว้ เพื่อดำเนินการตามอำนาจที่มีอยู่ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๘ และมาตรา ๑๓๒ อนุมาตรา ๔ ปลักอำเภอจึงมีอำนาจที่จะยึดหรืออายัติข้าวของกลางรายนี้ไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงอาจมีผิดตามข้อที่โจทก์ฎีกาขึ้นมา แต่ศาลอุทธรณ์มิได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงไว้
จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดข้อเท็จจริง แล้วพิพากษาใหม่.

Share