คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อข้าวเปลือกของโจทก์ไป ยังไม่ได้ชำระราคา โดยตกลงจะหักหนี้ที่โจทก์กู้เงินจำเลยไว้ แต่ภายหลังจำเลยกลับเอาสัญญากู้มาฟ้องเรียกเงินจากโจทก์ โดยไม่หักค่าข้าวเปลือกให้ตามที่ตกลงกันไว้ ดังนี้ แม้การซื้อขายข้าวเปลือกจะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ได้มีการส่งมอบข้าวเปลือกกันแล้ว ซึ่งถือได้ว่ามีการชำระหนี้กันแล้ว โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องเรียกให้จำเลยส่งข้าวเปลือกคืน หรือใช้ราคาได้

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า โจทก์เคยกู้เงินจำเลข ๔,๘๐๐ บาททำสัญญาให้จำเลยไว้เป็นหลักฐาน ครั้นต่อมาจำเลยซื้อข้าวเปลือกของโจทก์ไป ๓ เกวียน ๓๕ ถัง เป็นเงิน ๒,๖๘๐ บาท จำเลยยังไม่ได้ชำระราคาโดยอ้างว่าจะคิดหักราคาข้าวนี้จากหนี้ที่โจทก์กู้เงินจำเลยไป แต่แล้วต่อมาจำเลยกลับนำสัญญากู้มาฟ้องเรียกเงินจากโจทก์ โดยหาได้คิดหักหนี้ราคาข้าวตามที่ตกลงไว้ไม่ จึงขอให้จำเลยคืนข้าวเปลือก ๓ เกวียน ๓๕ ถึง ถ้าคืนไม่ได้ ก็ให้ใช้เงิน ๒๖๘๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยปฏิเสธว่า ไม่เคยซื้อข้าวของโจทก์ ศาลสอบโจทก์ ได้ความว่า การซื้อขายข้าว ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ศาลจึงงดสืบพยาน แล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาพิพากษาใหม่ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องฟ้องมา ถือได้ว่า การซื้อขายข้าวเปลือกรายนี้ ได้มีการชำระหนี้กันแล้ว คือฝ่ายโจทกได้ส่งมอบข้าวเปลือกให้แก่จำเลยแล้ว คงเหลือแต่ฝ่ายจำเลยจะต้องชำระราคาให้แก่โจทก์ สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยย่อมฟ้องร้องบังคับได้ตาม ป.ม.แฟ่ง มาตนส ๔๕๖ วรรคท้าย ประกอบด้วยวรรค ๒ ดังนั้นแม้โจทก์จะฟ้องขอเรียกข้าวเปลือกคืนในฐานะที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อที่ตกลงกันไว้ หรือในฐานะผิดสัญญาซื้อขาย ก็จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องต่อไป ฉะนั้นจึงพิพากษายืน

Share