แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีความผิดต่อส่วนตัวนั้น เมื่อผู้เสียหายได้ทำสัญญาจะถอนฟ้องไม่ดำเนินคดีแก่จำเลยแล้ว ย่อมมีผลเป็นการยอมความ ทำให้สิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามกฎหมายด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ออกเช็คเป็นเงิน 6,000 บาทให้แก่นายโคม แซ่หวมแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น เพราะเงินในบัญชีไม่มี ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 1 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยยื่นคำร้องว่า ผู้เสียหายได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีที่จำเลยในคดีนี้เป็นโจทก์ และได้ตกลงยินยอมไม่เอาความแก่จำเลยในคดีนี้แล้ว ขอให้สั่งจำหน่ายคดีศาลฎีกาจึงสั่งให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวน ซึ่งได้ทำการไต่สวนเสร็จแล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามทางไต่สวนว่า นายโคม แซ่หวมผู้เสียหายในคดีนี้กับนายไก๊เคย แซ่หวม จำเลยในคดีแดงของศาลชั้นต้นเป็นบุคคลคนเดียวกัน และนายโคมหรือไก๊เคยตกลงว่าจะถอนฟ้องไม่ดำเนินคดีนี้แก่จำเลยต่อไป
คดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายย่อมขอยอมความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรค 2 เมื่อผู้เสียหายได้ทำสัญญาจะถอนฟ้องไม่ดำเนินคดีนี้แก่จำเลย ก็มีผลเป็นการยอมความทำให้สิทธินำคดีมาฟ้องระงับไปตามมาตรา 39(2) จึงให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ