คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1430/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ลูกหนี้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ฝ่ายเดียว เมื่อหนี้ขาดอายุความแล้ว และขอผ่อนผันการดำเนินคดี เจ้าหนี้ไม่ตอบรับ ไม่เป็นการรับสภาพหนี้โดยสัญญา ไม่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ตามความเห็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เจ้าหนี้ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “มีปัญหาในชั้นฎีกาว่า หนังสือรับสภาพหนี้ของลูกหนี้ลงวันที่ 14 เมษายน 2515 เป็นการรับสารภาพความรับผิดโดยสัญญาหรือไม่ ข้อเท็จจริงตามทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2511 ลูกหนี้ได้สั่งซื้อสินค้าน้ำมันหล่อลื่นและน้ำมันเกียร์จากเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ได้ส่งสินค้าไปให้ลูกหนี้ 2 ครั้ง ๆ แรกวันที่ 30 สิงหาคม 2511 ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2511 รวม 2 ครั้งเป็นน้ำมัน 805 ถังเป็นเงิน 10,221ปอนด์ 6 ชิลลิ่ง 7 เพ็นนี ถึงกำหนดที่ลูกหนี้จะต้องชำระค่าสินค้าตามตั๋วแลกเงินในวันที่ 16 เมษายน 2512 และวันที่ 31 พฤษภาคม 2512 เมื่อตั๋วแลกเงินถึงกำหนด ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามตั๋วแลกเงิน วันที่ 7 เมษายน 2515 นายประมวลทองภู ผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าหนี้ได้มีหนังสือทวงถามให้ลูกหนี้ชำระค่าสินค้าวันที่ 14 เมษายน 2515 ลูกหนี้ได้มีหนังสือรับสภาพหนี้ว่ายังคงเป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่จริง หลังจากทำหนังสือรับสภาพหนี้ลูกหนี้ไม่ได้ปฏิบัติตามหนังสือรับสภาพหนี้แต่อย่างใดจนบัดนี้

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่ แล้วทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้เจ้าหนี้ไว้ภายหลังที่หนี้ขาดอายุความแล้ว จึงไม่เป็นการรับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 และหนังสือรับสภาพหนี้นั้นก็ไม่เป็นการรับสภาพความผิดโดยสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 188 วรรคท้าย เพราะลูกหนี้ทำขึ้นฝ่ายเดียว ทั้งหนังสือนั้นมีข้อความให้เจ้าหนี้ผ่อนผันการดำเนินคดีทางศาล และลูกหนี้จะนำทรัพย์สินมาจำนองเป็นประกันให้เจ้าหนี้ต่อไป ไม่ปรากฏว่าเจ้าหนี้ได้ตอบสนองรับ และลูกหนี้ก็มิได้ปฏิบัติตามหนังสือนั้นแต่อย่างใดเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”

พิพากษายืน

Share