แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำว่า ‘ผู้อื่น’ ตามมาตรา 350 แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้น หมายความถึงบุคคลอื่นนอกจากตัวลูกหนี้ จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ร่วม แล้วจำเลยที่ 1โอนที่ดินของจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 3 ผู้มิได้เป็นลูกหนี้ของโจทก์ร่วม ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 3 เป็นผู้อื่น ตามความหมายแห่งมาตรา 350 นั้นแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ของนางหนุ่ยตามคำพิพากษาแล้วจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ทำนิติกรรมยกที่ดินบ้านของตนให้จำเลยที่ 3โดยจำเลยทั้งสามมีเจตนาร่วมกันที่จะมีให้นางหนุ่ย เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350, 83
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ศาลอนุญาตให้นางหนุ่ยเข้าร่วมเป็นโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 จำคุกคนละ 4 เดือน ปรับคนละ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 พิพากษายกฟ้อง ผู้พิพากษานายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่า จำเลยที่ 3 เป็นผู้รับโอนไม่น่าจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ในฐานเป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ผู้โอน ถ้าฟังว่าจำเลยที่ 3 เป็นตัวการในการโอนร่วมกับจำเลยที่ 1 ผู้โอน ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการโอนให้แก่ผู้อื่น เพราะเป็นการโอนให้ตนเอง
โจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำความผิดดังฟ้องพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 350 จำคุก 4 เดือน ปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสามฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 ที่ 3ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 1 สั่งไม่รับ
ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย คดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(1) ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ 2 จากสารบบความ
ข้อเท็จจริงฟังได้ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้เงินนายหนุ่ย อินทศเพชร โจทก์ร่วม แล้วผิดสัญญาไม่ใช้คืน โจทก์ร่วมจึงฟ้องต่อศาลจังหวัดปัตตานี ศาลจังหวัดปัตตานีบังคับให้จำเลยที่ 1 ชำระต้นเงินกู้จำนวน 17,980 บาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมให้โจทก์ร่วม ต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 3 ซึ่งทราบดีว่าโจทก์ร่วมได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลจนศาลพิพากษาดังกล่าวได้ร่วมกันทำนิติกรรมยกที่ดินบ้าน 1 แปลงตามฟ้องในส่วนของจำเลยที่ 1ไปให้แก่จำเลยที่ 3 โดยเจตนาเพื่อมิให้โจทก์ร่วมผู้เป็นเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บทบัญญัติมาตรา 350 นี้ ประสงค์จะลงโทษเฉพาะการโอนทรัพย์ให้แก่ “ผู้อื่น” ไม่ใช่โอนทรัพย์ให้แก่ “ตนเอง” ก็จริงอยู่แต่คำว่า “ผู้อื่น” นี้หมายความถึงบุคคลอื่นนอกจากตัวลูกหนี้ คดีนี้จำเลยที่ 1 เท่านั้นที่เป็นตัวลูกหนี้ จำเลยที่ 3 หาใช่ลูกหนี้ของโจทก์ร่วมแต่ประการใดไม่ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 3 เป็น “ผู้อื่น” ตามความหมายแห่งมาตรา 350 นั้นแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 3 ชอบแล้ว
พิพากษายืน