แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องในคดีก่อนยังไม่ถึงที่สุดโดยจำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลอุทธรณ์ ต้องถือว่าคดีก่อนยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณา การที่โจทก์นำมูลหนี้รายเดียวกันมาฟ้องจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20 เป็นคดีนี้อีกจึงเป็นการฟ้องซ้อนกับคดีก่อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องและคดีก่อนถึงที่สุด ก็ไม่ทำให้ฟ้องโจทก์คดีนี้ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายมาแต่ต้น กลายเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจาก จำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นฟ้องซ้อนและฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 178/2528 ของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันนำคดีนี้ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกันมาฟ้องจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20 อีก ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1) จึงยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 18 ถึงแก่กรรม นางอาน ผิวละมุลทายาทของจำเลยที่ 18 ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนศาลอุทธรณ์ภาค 1 อนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์เคยฟ้องจำเลยที่ 8ถึงที่ 20 ให้ชำระหนี้รายเดียวกันนี้มาแล้วในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 178/2528 ของศาลชั้นต้น แต่โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีก่อนเสีย ศาลชั้นต้นอนุญาต จำเลยที่ 16 ถึงที่ 20 คดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ขณะที่คดีก่อนอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20ให้ชำระหนี้รายเดียวกันเป็นคดีนี้ เห็นว่า เมื่อคำสั่งของศาลที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องในคดีก่อนยังไม่ถึงที่สุด ก็ต้องถือว่าคดีก่อนยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณา การที่โจทก์นำมูลหนี้รายเดียวกันมาฟ้องจำเลยที่ 8 ถึงที่ 20 เป็นคดีอีก จึงเป็นการฟ้องซ้อนกับคดีก่อนซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173(1) แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องคดีก่อนถึงที่สุดก็ตามก็หาทำให้ฟ้องคดีนี้ซึ่งเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาแต่ต้นกลายเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมาไม่
พิพากษายืน