คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1428/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญาในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์ต้องนำสืบให้ปรากฏข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดที่ได้ฟ้อง จึงจะทำให้คดีโจทก์มีมูลอันศาลจะพึงประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไปได้
คดีที่ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความเท็จ โจทก์จะอ้างว่าข้อความที่จำเลยเบิกความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่จะต้องพิจารณาในชั้นพิจารณาไม่ใช่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ดังนี้หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2516 เวลากลางวัน จำเลยได้เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 7/2516ของศาลจังหวัดพัทลุง ใจความสำคัญว่าโจทก์เคยรับเหมาก่อสร้างโรงเรียนบ้านท่ามิหรำ จังหวัดพัทลุง แบบพิมพ์รายการสินค้าที่โจทก์อ้างส่งเป็นพยานในคดีดังกล่าวไม่มี วันที่ 24 ก.พ. 14 โจทก์ไม่ได้จ่ายเช็คให้จำเลย และวันที่ 16 ก.ค. 14 จำเลยไม่ได้รับเงินจากโจทก์ 8,000 บาท ซึ่งความจริงโจทก์ไม่เคยรับเหมาก่อสร้างโรงเรียนบ้านท่ามิหรำ จังหวัดพัทลุง แบบพิมพ์รายการสินค้าที่โจทก์อ้างเป็นแบบพิมพ์ที่ร้านจำเลย และจำเลยเป็นผู้เขียนรายการสินค้านั้นและโจทก์ได้จ่ายเช็คธนาคารกรุงไทย เลขที่ 019504 เงิน 150,000 บาทให้จำเลยรับไปเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2514 และเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2514 โจทก์จ่ายเงินสดให้จำเลยรับไปอีก 8,000 บาทความเท็จดังกล่าวเป็นข้อสำคัญในคดีนั้น เหตุเกิดที่ศาลจังหวัดพัทลุงขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 7/2516 อยู่ในระหว่างพิจารณา ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ยุติ ศาลจึงไม่อาจวินิจฉัยได้ว่าคำเบิกความของจำเลยดังกล่าวเป็นเท็จคดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มิได้นำสืบว่าข้อความที่โจทก์กล่าวอ้างว่าเป็นความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 7/2516การนำสืบของโจทก์ขาดองค์ประกอบความผิดฐานเบิกความเท็จ คดีโจทก์จึงไม่มีมูล พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาเป็นใจความสำคัญว่า ความเท็จที่เป็นข้อสำคัญในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 7/2516 นั้น จะต้องพิจารณาในชั้นพิจารณา หาใช่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องไม่ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162 ขอให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดโจทก์ต้องนำสืบให้ปรากฏในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง จึงจะทำให้คดีโจทก์มีมูล ศาลจะพึงประทับฟ้องไว้พิจารณาต่อไปได้ เมื่อข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนมูลฟ้องของโจทก์ไม่ได้ความว่า ความเท็จที่โจทก์กล่าวอ้างนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีแล้ว คดีโจทก์จึงไม่มีมูลความผิดฐานเบิกความเท็จดังฟ้อง ที่โจทก์ฎีกาว่าคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162 นั้นเห็นว่า กรณีไม่ต้องด้วยมาตราดังกล่าว เพราะศาลได้ดำเนินการไต่สวนมูลฟ้องตามนัยแห่งมาตราดังกล่าวแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share